ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ TCAP ที่ระดับ"A+" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 11, 2018 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. ทุนธนชาต (TCAP) ที่ระดับ "A+"

อันดับเครดิตสะท้อนสถานะความเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธนชาตโดยมีธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่บริษัทถือหุ้น 50.96% เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มและรวมไปถึงการที่บริษัทได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารธนชาต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเข้มแข็งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารธนชาต ตลอดจนฐานทุนและรายได้ที่ดีของบริษัท แหล่งรายได้ที่หลากหลาย และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการพึ่งพาการระดมทุนผ่านตลาดทุนของธนาคารธนชาตด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธุรกิจการเงิน (Non-operating Holding Company -- NOHC) อันดับเครดิตองค์กรของบริษัททุนธนชาตอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารธนชาต ("AA-") อยู่หนึ่งขั้นซึ่งสะท้อนถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพิงรายได้เงินปันผลจากธนาคารเป็นหลัก นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐที่อาจจำกัดความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของธนาคารธนชาต และการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างของเจ้าหนี้ของบริษัทเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ของธนาคารธนชาตอีกด้วย

บริษัทย่อยของบริษัททุนธนชาตประกอบด้วยธนาคารธนชาตและธุรกิจให้บริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจลีสซิ่ง รวมถึงธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต มูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัททุนธนชาตอยู่ที่ 1,048 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2561 โดยสถานะทางการเงินของบริษัทเกือบทั้งหมดสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของธนาคารธนชาตเนื่องจากสินทรัพย์ของธนาคารมีสัดส่วนถึง 98.6% ของสินทรัพย์ของบริษัท

เป็นผู้นำตลาดในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ธนาคารธนชาตมีสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยการมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจดังกล่าวยังคงเป็นจุดแข็งของธนาคาร ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าธนาคารจะยังคงรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เอาไว้ได้นานขึ้นในอนาคตจากการที่ธนาคารมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับนายหน้าซื้อขายรถยนต์ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รวมอยู่ที่ระดับ 20.3% ณ เดือนมิถุนายน 2561 จากฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง

มีฐานทุนที่แข็งแรง ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Core Equity Tier-I) อยู่ที่ระดับ 13%-14% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในระยะปานกลาง ปัจจุบันอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของบริษัทอยู่ที่ระดับ 12.6% ณ เดือนมิถุนายน 2561 ทั้งนี้ สัดส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อฐานทุนรวมของบริษัทที่ระดับ 82.5% ณ เดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพของเงินทุนที่เพียงพอ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับปัจจุบันต่อไป

กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทสะท้อนกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธนาคารธนชาตเป็นหลัก โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารธนชาตได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีซึ่งเป็นผลมาจากการควบรวมธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีส่วนช่วยให้กำไรสุทธิของธนาคารเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิของธนาคารจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2561

แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารในปี 2561 จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2560 เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะสิ้นสุดลงในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 ซึ่งทำให้ธนาคารจะต้องเริ่มเสียภาษีตามอัตราปกติในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในปี 2561 ของธนาคารจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4% เทียบกับระดับ 1.5% ในปี 2560 โดยธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ที่ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้วอยู่ที่ระดับ 1.6% ทั้งนี้ หากสมมติฐานอัตราภาษีปกติอยู่ที่ระดับ 20% อัตราส่วนดังกล่าวของธนาคารในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 จะอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 1.3%

อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 19.5% ในปี 2559 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 13.1% ในปี 2560 และเพิ่มขึ้น 18.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 47.3% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 จาก 51% ในปี 2559 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 44.1% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 โดยรายได้ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำลงช่วยทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของธนาคารลดต่ำลง ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิแบบปรับเป็นตัวเลขเต็มปีของธนาคารตามฐานที่ปรับด้วยความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 2.5% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 2.0% โดยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงช่วยทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารปรับตัวดีขึ้น

แหล่งรายได้ที่หลากหลาย บริษัทมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวเนื่องจากบริษัทย่อยของบริษัทดำเนินธุรกิจที่ค่อนข้างหลากหลายซึ่งช่วยสร้างรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยให้แก่บริษัท บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมอยู่ที่ 32.4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 35.3% สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 67.6% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 64.8%

บริษัทย่อยของบริษัท เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และบริษัทประกันภัยมีส่วนช่วยสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรายได้ที่มีเสถียรภาพมากของกลุ่ม โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิคิดเป็น 21.5% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 23.3%

มีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ทริสเรทติ้งคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์และการตั้งสำรองหนี้สูญของธนาคารธนชาตจะแข็งแกร่งมากขึ้นจากการที่ธนาคารมีการพัฒนาการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ต้นทุนเครดิตของธนาคารลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1.2% ในปี 2558 มาสู่ระดับปกติที่ 0.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 โดยการลดลงของต้นทุนเครดิตของธนาคารสอดคล้องกับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งธนาคารยังมีนโยบายการตัดหนี้สูญที่จริงจังรวมไปถึงการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาอีกด้วย ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.2% ณ เดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.6% และมีอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับที่เพียงพอที่ 131.5% ณ เดือนมิถุนายน 2561

การพึ่งพาการระดมทุนผ่านตลาดทุน สถานะเงินทุนของบริษัทสะท้อนสถานะในการเป็นธนาคารขนาดกลางของธนาคารธนชาตและการพึ่งพาการระดมทุนผ่านตลาดทุนของธนาคารยังคงเป็นข้อจำกัดทางเครดิต โดยธนาคารยังคงต้องพึ่งพาตลาดทุนเพื่อระดมทุนซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากธนาคารมีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จำนวนมาก (54.1% ของเงินให้สินเชื่อรวม) และมีเครือข่ายสาขาอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธนาคารสามารถขยายฐานเงินฝากในบัญชีเดินสะพัดและเงินฝากออมทรัพย์ (Current Account-Savings Account – CASA) ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงฐานเงินทุนที่มีเสถียรภาพและต้นทุนต่ำได้แม้ว่าธนาคารจะมีลักษณะธุรกิจและโครงสร้างเงินทุนดังเช่นในปัจจุบัน

โดยอัตราส่วนเงินฝากประเภทดังกล่าวต่อเงินฝากรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45.8% ณ เดือนมิถุนายน 2561 จาก 40.1% ในปี 2558 กระนั้นเงินฝากประจำ (37.0% ของเงินฝากรวม ณ เดือนมิถุนายน 2561) และเงินกู้ยืมจากการออกตราสารหนี้ (5.0% ของหนี้สินรวม) ยังคงเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างเงินทุนโดยรวมของธนาคาร ทั้งนี้ ความสามารถในการขยายฐานเงินฝากในบัญชีเดินสะพัดและเงินฝากออมทรัพย์พร้อมทั้งต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงของธนาคารจะส่งผลบวกต่ออันดับเครดิตของธนาคาร

สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับเพียงพอ โดยบริษัทมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 27.7% ณ เดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 29.8% ในขณะที่ธนาคารธนชาตมีอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) สูงกว่าระดับที่ทางการกำหนดที่ 80% ในปี 2561

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารธนชาตซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัททุนธนชาตจะสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเอาไว้ได้ อีกทั้งจะยังคงรักษาฐานทุน ตลอดจนความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้เช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารธนชาตในการยกระดับสถานะทางธุรกิจจากการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งเพิ่มการกระจายตัวของเงินให้สินเชื่อ และเพิ่มความสามารถในการหาแหล่งเงินทุน ในทางกลับกัน สถานะเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารธนชาตเสื่อมถอยลงหรือสัดส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารอ่อนแอลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ