VGI ทุนพร้อมกว่า 2 หมื่นลบ.ลุยซื้อกิจการ-ร่วมทุนจากเจรจากว่า 10 ราย คาดดัน KERRY เข้าตลาดหุ้นปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 12, 2018 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ประกาศยังเดินหน้าเข้าซื้อกิจการและการร่วมทุนเพิ่มขึ้นโฟกัสกลุ่มโฆษณา (Advertising) กลุ่มโลจิสติกส์ (Logistics) และ Payment ยันเงินลงทุนในมือพร้อมกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตรมากกว่า 10 รายมีทั้งกิจการขนาดเล็กหลักสิบล้านบาทจนถึงขนาดใหญ่ระดับหมื่นล้านบาท

ขณะที่ปีนี้บริษัทเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวการลงทุนหลังทุ่มไปแล้ว 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเข้าซื้อกิจการและร่วมทุนพันธมิตรต่างๆเพื่อครอบคลุมธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านและเช้าสู่สื่อโฆษณายุคดิจิทัล รวมทั้ง Rabbit จับมือพันธมิตร LINE และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอรฺ์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส ขยายตลาด Rabbit Line Pay ต้นปี 61 และ ก.ค. 61

และที่สำคัญ คือ เข้าซื้อ บริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด 23% ส่งผลให้ผู้บริหารมั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังงวดปี 61 (ต.ค.61-มี.ค.62) จะเห็นการเติบโตของกลุ่ม VGI ชัดเจนขึ้น โดยบริษัทวางเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า (เม.ย.61-มี.ค.64) รายได้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ 20-25% จากงวดปี 60 (เม.ย.60-มี.ค.61) รายได้ 3.9 พันล้านบาท

นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร VGI เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทเริ่มเห็นผลของการร่วมกลยุทธ์ภายในกลุ่ม (synergy) หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปถือหุ้นในกิจการต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา โดยส่วนใหญ่เป็นการเข้าถือหุ้นในสัดส่วนราว 20-40% ได้แก่ บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) ถือ 37.4% บริษัท เดโม เพาเวอร์ จำกัด (Demco power) ถือ 40%

และ ล่าสุดเข้าซื้อบริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด สัดส่วน 23% ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรในเดือน ต.ค.นี้ ดังนั้น คาดว่าผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของงวดปี 61/62 (ต.ค.61- มี.ค.62) จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก (เม.ย.-ก.ย.61)

ขณะที่บริษัทยังไม่หยุดหาพันธมิตรและเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ VGI ดำเนินการอยู่ใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจโลจิสติกส์ และ Payment

"หลายธุรกิจเราทำไม่เป็น แต่เราเข้าไปมีส่วนร่วม แต่เราทำให้เกิดการ synergy...ตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทลงทุนซื้อกิจการ และใน 3 ปีข้างหน้าก็ยังมองหาการเข้าซื้อกิจการอยู่ต่อเนื่องไม่เคยหยุด เพื่อเพิ่มพันธมิตรธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยเราก็ยังมองหาธุรกิจใน 3 ธุรกิจที่ VGI ทำอยู่ คือ โฆษณา โลจิสติกส์ และ Payment เพราะเห็นแล้วว่าทั้ง 3 ธุรกิจนี้ ทุกธุรกิจต้องการเพื่อใช้สนับสนุนกิจการได้หมด"

"ถามว่าทุกวันนี้มีธุรกิจไหนที่ไม่ต้องการ 3 อย่างนี้ ใครๆก็อยากทำ QR CODE, e-Payment ,Marketing ทำโฆษณา พีอาร์ ทุกคนก็ต้องการ ทำไมไม่มาหา VGI เพราะเรามีอยู่แล้ว เหมือนเราเป็น Marketing Arm ของเขา เพราะเรามีข้อมูล (BIG DATA) ที่คุณไม่มี เรามีมุมมองที่คุณไม่มี ...ต้องการไปออนไลน์มากขึ้น เช่น โฆษณาบน Facebook , Instragaram หรือการแจกตัวอย่างสินค้า"นายกวิน ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"

นายกวิน กล่าวว่า งบลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าไม่ได้มีการจำกัดวงเงินไว้ หากเห็นว่าบริษัทที่จะเข้าซื้อเป็นกิจการที่ดีก็จะตัดสินใจเข้าลงทุน โดยระหว่างนี้บริษัทมีการเจรจากับเจ้าของกิจการมากกว่า 10 ราย ขนาดตั้งแต่เล็กสุดจนถึงใหญ่สุด โดยเล็กสุดอยู่ที่หลัก 10 ล้านบาท และใหญ่สุดมีขนาดหลายพันล้านบาทไปถึงหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 20-40% ในแต่ละกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจป เชื่อว่าคงจะสรุปดีลส่วนใหญ่ไม่ทันภายในปลายปีนี้ ยกเว้นดีลเล็กก็มีโอกาสทัน

ทั้งนี้ บริษัทมีเงินทุนเพียงพอในการลงทุนร่วมทุนหรือซื้อกิจการ โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดประมาณ 3-4 พันล้านบาทที่เหลือจากการเพิ่มทุนครั้งก่อน และมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีก 7 พันล้านบาท ประกอบกับ บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการระดมทุนผ่านวอแรนท์ VGI-W2 ซึ่งหากมีการแปลงเป็นหุ้นสามัญทั้งหมดภายใน 4 ปีจะได้รับเงินเข้ามาประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท

อนึ่ง บริษัทที่ VGI เข้าซื้อกิจการและร่วมทุนส่วนใหญ่สนับสนุนธุรกิจโฆษณานอกบ้าน ได้แก่

1.บริษัท พอยท์ ออฟ วิว มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (POV) ถือ 100% ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานในย่านธุรกิจ

2.บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO)ซื้อหุ้นสัดส่วน 37.4% เป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้าน

3.บริษัท แอโร มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (Aero Media) ถือ 30% ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในสนามบินหลักทั่วประเทศไทย

4.บริษัท เดโม เพาเวอร์ จำกัด (Demo Power) 40% เป็นผู้ให้บริการสาธิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

5.Rabbit Group โดยซื้อหุ้นในสัดส่วน 90% ของบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด(BSS) และบริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (BSSH) ทั้งนี้ Rabbit Group คือผู้ให้บริการด้านดิจิทัล อาทิเช่นระบบบริการชำระเงินไปจนถึงการโฆษณาบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยการใช้ฐานข้อมูผสมผสานรวมกับสื่อโฆษณานอกบ้าน

6.Titanium Compass Sdn Bhd (TCSB) ลงทุน 19% ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัญญาในการบริหารสื่อโฆษณา บนระบบรถไฟฟ้าสาย SBK Line ในกรุงกัวลาลัมเปอร์

7.VGI Global Media Malaysia Sdn.Bhd (VGM) ถือ 25% เป็น Holding Company ที่ลงทุนในธุรกิจสื่อนอกบ้านหลากหลายรูปแบบในมาเลเซียและอินโดนีเซียพร้อมได้สัมปทานระยะยาว'

8.บริษัท บีวี มีเดีย แอดส์ จำกัด (BVTV) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 ระหว่าง VGI และบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง7) โดย VGI และช่อง 7 จะร่วมมือกันสร้างแพคเกจสื่อโฆษณาใหม่ที่ร่วมสื่อโฆษณาแบบออฟไลน์และออนไลน์

9.บริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 23% คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,901 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นหลักใน VGI คือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ถือ 45.04% และ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถือ 23.12% นายคีรี กาญจนพาสน์ ถือ 0.55% รวมกลุ่ม BTS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ VGI สัดส่วน 68.7%

*งวดปี 61 คาดรายได้สูงกว่า 4 พันลบ.มั่นใจ 3 ปีพุ่งแตะ 1 หมื่นลบ.ตามเป้าหมาย

นายกวิน กล่าวว่าเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า(งวดปี 61-63) จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท โดยลดสัดส่วนธุรกิจโฆษณามาที่ 60% และอีก 40% จะจากธุรกิจบริการด้านดิจิทัล (Payment) และโลจิสติกส์ จากปัจจุบันธุรกิจโฆษณามีสัดส่วน 90% และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจบริการด้านดิจิทัลราว 10% ที่ผ่านบัตรแรบบิทที่ใช้จ่ายค่าโดยสารและจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่มที่มี QR CODE ของRabbit , บริการ Rabbit Line Pay (RLP)ที่เป็นแพลตฟอร์มชำระเงินบนมือถือ,บัตรสมาชิกอิออนแรบบิทที่ BSS ร่วมกับบมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (AEONTS) ให้สินเชื่อบุคคลปัจุจุบันมียอดปล่อยกู้แล้ว 2 พันล้านบาท

ส่วนอัตรากำไรสุทธิใน 3 ปีข้างหน้าจะรักษาระดับไว้ที่ 20-25% จากงวดปี 60 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 3.94 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ 24%

ในงวดปี 61 (เม.ย.61-มี.ค.62) คาดว่าบริษัทจะทำรายได้มากกว่า 4 พันล้านบาท และกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 846 ล้านบาท เป็นการเติบโตตามสื่อรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมทั้งสื่อกลางแจ้ง ผ่าน MACO จากปัจจัยฤดูกาล Synergy จากกลยุทธ์ผนึก Offline/Online

"เราประกาศว่ายอดขายภายใน 3 ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท มาร์จิ้น จะมีประมาณ 20-25% เริ่มจากปีนี้ โดยรายได้มาจากธุรกิจหลัก (สื่อโฆษณา) ประมาณ 6-7 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจที่มาจากบริษัทร่วมทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท...เราเปลี่ยนแล้ว เราไม่ใช่บริษัทโฆษณาอย่างเดียวแล้ว ต่อไปอีก 3 ปีข้างหน้า รายได้เหลือ 60% จากปัจจุบันมีรายได้สัดส่วนประมาณ 90% ส่วนที่เหลือมาจากโลจิสติกส์ ธุรกิจไฟแนนซ์ที่ร่วมกับอิออน"

"สำหรับผม VGI เป็นธุรกิจ very simple สมัยก่อนคือเป็นบริษัทโฆษณา แต่วันนี้เปลี่ยนมาเป็นโฆษณา และ Marketing อันแรก และสองคือ Logistics สาม เรามี E-payment ทั้งสามอย่างนี้ทุกธุรกิจต้องการอยู่แล้ว ถ้าธุรกิจเข้ามาใช้บริการ VGI เขาก็จะได้ทั้งหมด และเป็น Marketing solution"นายกวิน กล่าว

นายกวิน มองว่าธุรกิจโฆษณามีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ประกอบกับกลุ่มบริษัทมีการ synergy ร่วมกัน และยังมองว่าการร่วมมือกันในกลุ่ม VGI ไม่ได้เป็นสูตรตายตัว อย่าง 1+1 เป็น 2 เพราะวันนี้ลูกค้าต้องการ Market Solution ให้กับลูกค้า product เราทำได้ดีแล้ว แต่ค่อยๆกระตุ้นให้ลูกค้ารับรู้ อย่างเช่นที่ผ่านมาได้ร่วมมือสหกรุ๊ป ในด้านโฆษณา ขณะที่กลุ่มมสหพัฒน์จะเปิดร้าน lowson บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสัญญาร่วมมือกัน โดยสินค้าสหกรุ๊ปมีจำนวนมาก และยังมีอีกหลายรายที่สนใจทำ Marketing และใช้สื่อโฆษณาของ VGI

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจะผลักดันให้ บริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ภายในปี 62 โดยคงสัดส่วนการถือหุ้นที่ 23% ทั้งนี้ VGI จะเริ่มรับรู้กำไรจาก เคอร์รี่ฯ ในไตรมาส 3 งวดปี 61/62 และมีแผนเพิ่มสื่อโฆษณาตามรถบรรทุกของเคอร์รี่ฯที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นคันด้วย ขณะที่เคอร์รี่ฯมีกำไรเติบโตปีละ 30-40% ซึ่งปี 60 มีกำไร 300 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน

https://youtu.be/CBz1UcUy64U


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ