GBS มองกรอบ SET ช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ที่ 1,650-1,800 จุด แม้ปัจจัยตปท.ผันผวน แต่เชื่อปัจจัยบวกจากในปท.ช่วยประคองตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 16, 2018 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) มองกรอบดัชนีหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ยังผันผวนในกรอบ 1,650-1,800 จุด แม้จะมีปัจจัยจากต่างประเทศเป็นตัวแปรสำคัญด้านการลงทุน แต่ปัจจัยบวกจากในประเทศทั้งประเด็นการเมือง ,การเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดประมูลด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ตลอดจนเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เข้ามาช่วยประคองตลาด

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังคงมีแนวโน้มผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นแปรหลักที่สำคัญที่เข้ามาฉุดภาพรวมการลงทุน อีกทั้งเรื่องสงครามการค้าที่ยังคงยืดเยื้อและอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนธันวาคม และ fund flow ไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินที่อ่อนค่า

ทั้งนี้ ปัจจัยที่นักลงทุนยังคงต้องจับตาหลังจากนี้ คงเป็นกรณีการที่จะจัดให้การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ รวมถึงการกำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7-8 พ.ย. , กำหนดประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม โดยจะเกิดขึ้นวันที่ 14 พ.ย. และ การกำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าที่ประชุมฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และในวันที่ 19 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. โดยคาดว่าที่ประชุมอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหากดัชนีเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแรงชนกรอบเป้าหมายที่ระดับ 1.25%

ขณะที่ปัจจัยในประเทศนั้น มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงความคืบหน้าในการเตรียมตัวของพรรคการเมือง ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย Consensus คาดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 อยู่ที่ระดับ 4.4-4.8% รวมถึงการเปิดประมูลโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และเม็ดเงินกองทุน LTF/RMF ในช่วงปลายปีที่จะเข้ามาช่วยพยุงภาพรวมตลาดหุ้นไทย

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 ยังคงผันผวนอยู่ในกรอบ 1,650-1,800 จุด โดยแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้น เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวจากภาวะตลาด อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในช่วงปลายปี ทำให้มีการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้น แนะนำ TMB, KKP และ KBANK พร้อมทั้งยังแนะนำหุ้น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากได้ประโยชน์จากการเร่งประมูลโครงการขนาดใหญ่ช่วยเติม backlog อาทิ CK

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัย ยังจัดทำบทวิเคราะห์และประเมินผลภาพรวมผลการดำเนินงานหุ้นในกลุ่ม mai โดยประเมินถึงผลประกอบการด้านกำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นจึงแนะนำ หุ้น DOD ให้ราคา 17.50 บาท โดยคาดกำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เติบโตราว 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการมีลูกค้ารายใหม่ที่คาดจะเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/61 , หุ้น XO ราคาเหมาะสม 13 บาท คาดอัตรากำไรขั้นต้นตั้งแต่ไตรมาส 3/61 จะปรับตัวขึ้นราว 2-3% สู่ระดับ 39-40% หนุนกำไรปี 2561 เติบโต 210%

หุ้น CHAYO ราคาเหมาะสม 4 บาท คาดกำไรสุทธิเติบโต 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้กองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมีหลักประกันในครึ่งหลังปีนี้ , หุ้น TACC ราคาเหมาะสม 5 บาท คาดว่ากำไรในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเริ่มทยอยเห็นการพลิกฟื้นจากฐานที่ต่ำในครึ่งปีแรก และพลิกกลับมาเติบโตได้ในปี 2562 , หุ้น SSP ราคาเหมาะสม 11.20 คาดแนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งหลังปีนี้ เติบโต 14% จากช่วงครึ่งปีแรก จากโครงการที่เริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ 1 ส.ค. และโครงการอื่น ๆ จะทำได้ตามกำหนดการ มีบางโครงการเร็วกว่ากำหนด หุ้น JKN ราคาเหมาะสม 13.40 บาท กลยุทธ์มุ่งส่งออก Content ลูกค้า CLMV หนุนรายได้ส่งออกปี 61 โตเกินเป้า 120 ล้านบาท และหุ้น AUCT ราคาเหมาะสม 8.25 บาท คาดยอดขายครึ่งหลังปีนี้ จะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก ตามปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับยอดขายรถใหม่ภายในประเทศปีนี้เติบโตดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ