ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,682.91 จุด ลดลง 12.13 จุด (-0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 46,194.76 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,694.67 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,681.24 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 291 หลักทรัพย์ ลดลง 1,140 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 382 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในกรอบแคบ โดยดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนลบเช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ติดลบเล็กน้อย และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ติดลบด้วย ภายหลังจากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ครั้งล่าสุดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง กดดันให้เงินดอลลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และเงินบาทก็เริ่มอ่อนค่าหลังจากแข็งค่ามา 5 วัน
นอกจากนี้ คาดว่า Fund Flow ยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่ชะลอแรงขาย ขณะที่ ตลาดฯรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และรอดูผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 ของแบงก์ขนาดใหญ่ที่ยังไม่ประกาศออกมา อย่าง SCB, BBL, KBANK อย่างไรก็ดี เมื่อดัชนีฯเข้าใกล้ระดับ 1,680 จุด ก็ยังมีแรงรับพอควร
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯยังมีจังหวะฟื้นตัวได้ในระหว่างทาง โดยผลประกอบการของแบงก์ขนาดใหญ่มีโอกาสออกมา Surprise หากเป็นจริงจะดึงตลาดฯขึ้นมาได้ พร้อมมองแนวรับ 1,680 จุด ซึ่งหากไม่หลุดก็เก็งกำไรได้ในระยะสั้น แต่ถ้าหลุดก็ให้หยุดไว้ก่อน ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,710 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BGC มูลค่าการซื้อขาย 4,478.99 ล้านบาท ปิดที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท
OSP มูลค่าการซื้อขาย 4,266.85 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,189.53 ล้านบาท ปิดที่ 51.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,996.08 ล้านบาท ปิดที่ 8.90 บาท ลดลง 0.70 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,880.17 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท ลดลง 0.75 บาท