ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตองค์กร CGS ที่ "BBB-" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 22, 2018 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) ที่ระดับ "BBB-"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของ บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (CGH) (ได้รับอันดับเครดิต "BBB-/Stable" จากทริสเรทติ้ง) เนื่องจากบริษัทสร้างผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญและมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นอย่างมาก อีกทั้งอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความสามารถในการทำกำไรที่อ่อนแอลงของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ทริสเรทติ้งมองว่า บล. คันทรี่ กรุ๊ป เป็นสมาชิกหลักของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ทั้งนี้ นอกจากบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จะถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทแล้ว บริษัทยังสร้างกำไรโดยเฉลี่ยถึง 19% ของกำไรสุทธิของกลุ่มในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นการสร้างกำไรให้แก่กลุ่มในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญอีกด้วย

นอกจากนี้ ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทยังคิดเป็นประมาณ 57% ของส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญต่อกลุ่มเช่นเดียวกัน บล. คันทรี่ กรุ๊ป ยังมีความใกล้ชิดกับกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นอย่างมากอีกด้วยเนื่องจากบริษัทแม่มีการควบคุมดูแลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิดผ่านทางคณะกรรมการของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

มีสภาพคล่องที่เพียงพอและฐานทุนที่แข็งแกร่ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป มีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เพียงพอ บริษัทมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 62.6% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 33.5% เป็นอย่างมาก อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งสำหรับการดำเนินธุรกิจและครอบคลุมความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องด้วย

บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งสำหรับรองรับความเสี่ยงทางด้านเครดิตจากธุรกิจเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และสำหรับรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์จากธุรกิจการลงทุนของบริษัท บริษัทมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับตัวเลขแล้วอยู่ที่ 76.5% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 53.0% เป็นอย่างมาก บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,870 ล้านบาทในปี 2560 และมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ 132% เทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำที่ระดับ 7%

รายได้ที่ลดลง บล. คันทรี่ กรุ๊ป อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไปสู่การให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มาตั้งแต่ปี 2559 อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายตราสารอนุพันธ์ รวมทั้งรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจนั้นยังไม่สามารถสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพและมีนัยสำคัญได้ในขณะนี้

ส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 1.09% สำหรับงวด 7 เดือนแรกของปี 2561 จาก 1.69% ในปี 2559 และ 2.76% ในปี 2558 เนื่องจากบริษัทได้ขายธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์รายย่อยบางส่วนออกไปให้แก่บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งตามแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจแนวใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้หันมาพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับตราสารอนุพันธ์ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.83% สำหรับ 7 เดือนแรกของปี 2561 จาก 1.53% ในปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ความสามารถในการทำกำไรที่อ่อนแอลง กำไรสุทธิของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 โดยมาอยู่ที่ 45.7 ล้านบาทในปี 2560 จาก 385 ล้านบาทในปี 2557 เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนอขายน้อยกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จึงยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท ดังนั้น มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่ลดลงอย่างต่อเนื่องผนวกกับแรงกดดันจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงจึงส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทอ่อนแอลงในช่วงดังกล่าว อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 0.10% ในปี 2560 จาก 0.15% ในปี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 1.0% ในปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.5% เป็นอย่างมาก

ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดหวังว่าแผนการขยายธุรกิจไปสู่การให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้นของบริษัทจะทำให้บริษัทลดการพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลงและจะทำให้รายได้รวมของบริษัทค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนสามารถรองรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูงของบริษัทได้ อนึ่ง บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ระดับ 76.7% ในปี 2560 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 63.5%

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ต่อไป รวมทั้งจะยังคงสร้างกำไรและมีสัดส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ และมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะด้านเครดิตของกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปลี่ยนแปลงไป หรือสถานะในการเป็นบริษัทย่อยของ บล. คันทรี่ กรุ๊ปที่มีต่อกลุ่มคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เมื่อเทียบกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ของกลุ่มนั้นเปลี่ยนแปลงไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ