(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัวลง เหตุกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอหลังเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 24, 2018 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลง แม้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นกันเล็กน้อยแต่เป็นการขึ้นมาหลังจากที่เมื่อวานนี้ร่วงแรง โดยเมื่อวานนี้ Emerging Market ได้ร่วงไปกว่า 2% ขณะที่ตลาดบ้านเราปิดทำการ ซึ่งรับผลจากความกังวลเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้นักลงทุนหนีออกจากสินทรัพย์เสี่ยงหันไปเข้าลงทุนในพันธบัตร ,ทองคำ และเงินเยน

นอกจากนี้ ตลาดฯยังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย, การที่สหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่าอิตาลีจะต้องทบทวนข้อเสนอร่างงบประมาณประจำปีหน้า พร้อมได้แสดงความกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี และการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,640-1,666 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,191.43 จุด ร่วงลง 125.98 จุด (-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,740.69 จุด ลดลง 15.19 จุด (-0.55%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,437.54 จุด ลดลง 31.09 จุด (-0.42%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 156.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.86 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 54.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.94 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.50 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 11.79 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ต.ค.61) 1,658.56 จุด ลดลง 9.35 จุด (-0.56%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 55.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ต.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ต.ค.61) ปิดที่ 66.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 4.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ต.ค.61) ที่ 4.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.80/84 อ่อนค่าจากเย็นวันจันทร์ แต่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สอดคล้องกับสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค หลังเมื่อวันจันทร์บาทอ่อนสวนทางภูมิภาคจากตัวเลขส่งออกติดลบในรอบ 19 เดือน
  • "แบงก์ชาติ" เผยผู้ประกอบการ อสังหาฯ ธนาคารพาณิชย์ แห่ส่งข้อเสนอให้พิจารณา เพื่อกำหนดเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้าน ย้ำพร้อมปรับเปลี่ยนแนวทางกำกับดูแล หากเป็นประโยชน์ในภาพรวม และไม่กระทบระบบเกินไป หวังผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ด้านสมาคมแบงก์ เตรียมหารือ ธปท. ร่วมวางมาตรฐานปล่อยสินเชื่อ
  • แบงก์พาณิชย์ทยอยขึ้นดอกเบี้ย สินเชื่อบ้าน ตั้งแต่ไตรมาส 3 พร้อมปรับแพ็คเกจใหม่ เน้นดอกเบี้ยลอยตัว แทนคงที่ แจงไม่เกี่ยวกับมาตรการคุมสินเชื่อของแบงก์ชาติ อ้างรองรับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
  • "สมคิด" สั่งการ "พาณิชย์" คุมเข้มราคาสินค้า ป้องกันการฉกฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน หลังราคาน้ำมันพุ่ง พร้อมกำชับดูแลราคาสินค้าเกษตรใกล้ชิด หวังให้เกษตรกรขายสินค้าได้ราคาดีและเป็นธรรม "สนธิรัตน์" มอบกรมการค้าภายในวิเคราะห์ราคาดีเซลที่กระทบต่อต้นทุนสินค้าทันที เผยยังได้นัดถกหน่วยงานพาณิชย์วางแผนดูแลสินค้าเกษตรตั้งแต่ภายในจนถึงส่งออก และนัดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เร่งดันเศรษฐกิจฐานราก
  • แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จะมีการหารือเรื่องการปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สำโรง) ร่วมกับเอกชนผู้เดินรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยจะยื่นข้อเสนอการขยายระยะเวลาสัมปทานออกไปอีก เช่น 5-10 ปี จากที่จะหมดอายุในปี 2585 และมีเงื่อนไขให้ กทม.สามารถบอกเลิกสัญญาได้ตั้งแต่ปี 2572 เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการกำหนดโครงสร้างค่าโดยสารรถไฟฟ้าตลอดสาย 65 บาท จากปัจจุบันสูงสุดที่ 59 บาท และราคาในอนาคตที่ 140-145 บาท ขณะที่ได้สั่งเบรกลงทุนรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเหนือ-ใต้ 2 หมื่นล้านบาท หวั่นไม่คุ้มค่า
  • รมว.คลังเอเปก ประเมินเศรษฐกิจโลกเริ่มผันผวนหนัก ปัจจัยลบรุมเร้า แต่ยังมั่นใจเศรษฐกิจชาติเอเปกโตได้ 3.7-4.1%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TIGER (บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเสนอขาย IPO ที่ 3.65 บาท/หุ้น ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมปี 2562 ได้ที่ 5.40 บาท (อิง PER 17.6x) โดยคาดกำไรสุทธิใน H2/61 ที่ 58 ล้านบาท เติบโต 38% YoY และ 85% HoH จากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) เหลืออยู่ราว 655 ล้านบาท ส่วนปี 2562 คาดจะมีกำไรสุทธิที่ 142 ล้านบาท เติบโต 59% YoY จากคาดการณ์ว่า TEC จะเข้าร่วมการประมูลงานเพิ่มเติม

บริษัทฯประกอบธุรกิจ Holding company มีบริษัทในกลุ่ม 3 บริษัท ได้แก่ 1) TEC ให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภท 2) TEA ทำธุรกิจออกแบบและผลิตกระจกและอลูมิเนียม และ 3) TEM ทำธุรกิจออกแบบและผลิตระบบน้ำดีและน้ำเสีย รวมทั้งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ โดยสัดส่วนรายได้หลักของ TIGER มาจากงานรับเหมาก่อสร้าง (TEC) กว่า 94% ซึ่งแบ่งเป็นงานภาครัฐ 43% และภาคเอกชน 57% โดยช่วงปี 2558–2560 มีกำไรปกติเติบโตเฉลี่ย 39% ต่อปี จากโครงการก่อสร้างที่มากขึ้นเรื่อยๆ

  • ROBINS (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 76 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/61 ประมาณ 689 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13%yoy จาก SSSG ที่กลับมาเป็นบวก 0.5% เทียบกับที่หดตัว 0.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ระยะกลางได้ Sentiment บวกจากการเลือกตั้งหนุนยอดขายโตต่อเนื่อง
  • CHG(ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.00 บาท คาดกำไรปกติ Q3/61 ที่ 195 ล้านบาท +10.2% Q-Q, +15.8% Y-Y จากรายได้ที่โตโดดเด่นในกลุ่มผู้ป่วยเงินสด และไม่มีการกลับรายการรายได้เหมือนที่เกิดขึ้นใน Q2/61 ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังควบคุมได้ดีแม้จะมีเปิดจุฬารัตน์ 304 แนวโน้ม Q4/61 ยังโต Y-Y ต่อเนื่องจากฐานต่ำ คาดกำไรทั้งปีที่ 722 ล้านบาท +28% Y-Y และปีหน้า 788 ล้านบาท +9% Y-Y ด้านราคาหุ้นที่พักตัวถือเป็นโอกาสซื้อลงทุน และเหมาะที่จะใช้เป็นที่พักเงินช่วง SET ผันผวนในระยะสั้น
  • STEC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 29 บาท คาดกำไร Q3/61 จะโดดเด่นและโตสูง 325 ล้านบาท โตจากไตรมาสก่อน 7%QoQ และ ปีก่อน 50%YoY แรงหนุนการรับรู้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และชมพู STEC มี Backlog ที่สูง 1.2 แสนล้านบาท จะหนุนกำไร Q4/61 และ ปี 2562 เติบโตในอัตราที่เร่งมากขึ้น รัฐบาลมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องจะหนุน STEC ยังได้งานเพิ่ม ด้านเทคนิคยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ต้าน 25.5 รับ 24.0 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ