ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,636.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด (+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 37,780.55 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,645.98 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,630.73 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 651 หลักทรัพย์ ลดลง 662 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 497 หลักทรัพย์
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ได้ซึมซับข่าวร้ายไปพอควรแล้ว ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินใน Emerging Market ด้วย จากการที่จีนพยายามที่จะให้เงินหยวนอ่อนค่าเพื่อหักล้างในเรื่องสงครามการค้า และใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากที่เศรษฐกิจจีนได้ชะลอตัว แม้ว่าจะมีผลดีต่อจีน แต่ก็มีผลลบเช่นกัน นั่นคือเมื่อเงินหยวนอ่อนค่าก็ทำให้สกุลเงินในเอเชียอ่อนค่าตามเงินหยวนไปด้วย ทำให้เป็นแรงกดดันให้เกิดการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้เงินทุนยังคงไหลออก ดังนั้นตลาดฯจึงยังผันผวนอยู่
อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/61, ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีน, ดุลการค้าของไทย, การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,640 จุด ซึ่งมองว่าการฟื้นตัวของตลาดฯยังจำกัด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,817.44 ล้านบาท ปิดที่ 199.50 บาท ลดลง 6.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,969.88 ล้านบาท ปิดที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,775.79 ล้านบาท ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,493.89 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
MINT มูลค่าการซื้อขาย 1,098.75 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท ลดลง 1.50 บาท