(เพิ่มเติม) CI ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 25% สูงขึ้นจากปีนี้ที่คาดโต 10-15% เล็งขายสินทรัพย์เข้า REIT ต่อเนื่อง Q4/61-ปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 1, 2018 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) ตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 25% สูงขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตราว 10-15% เนื่องจากบริษัทเร่งระบายสต็อก และมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมที่เติบโตต่อเนื่องเข้ามาช่วยหนุน ขณะที่บริษัทวางแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ย่านสาทร 1 แห่ง และเปิดเฟสต่อเนื่องโครงการที่หัวหินและภูเก็ตอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 6.4 พันล้านบาท

ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าไตรมาส 4/61 จะทำผลงานได้ดีที่สุดของปี จากการทยอยโอนโครงการที่มียอดขายในมือ (Backlog) ปัจจุบันราว 1.5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทเตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่า 500 ล้านบาท และในปี 62 มีแผนขายสินทรัพย์เข้า REIT เพิ่มอีก 800-1,000 ล้านบาท

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ของ CI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 25% สูงขึ้นจากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 10-15% จากการที่บริษัทหันมาเน้นการขายโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนที่อยู่ระหว่างการขาย เพื่อสร้างรายได้กลับมาให้แก่บริษัท โดยที่บริษัทจะยังคงกลยุทธ์การลดราคาขายบางโครงการเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และทำให้บริษัทสามารถระบายสินค้าออกมาเป็นรายได้กลับคืนมาให้กับบริษัทได้

ขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมก็ยังคงเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของรายได้ แม้ว่าปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวไทยจะได้รับผลกระทบหลังเหตุการณ์เรือล่มในจังหวัดภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนชะลอการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งผลให้การจองโรงแรมในช่วงไฮซีซั่นของโรงแรมต่าง ๆ ปรับตัวลดลง รวมถึงการจองห้องพักของโรงแรมในเครือของบริษัทที่ภูเก็ต พังงา และหัวหิน ก็ปรับตัวลงเล็กน้อยด้วย จากระดับอัตราการเข้าพักปกติเฉลี่ย 65-70% แต่ธุรกิจโรงแรมในเครือของบริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตสูงขึ้น ก็น่าจะเข้ามาทดแทน ทำให้จะได้รับผลกระทบจากยอดนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปไม่มากนัก

ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 62 บริษัทวางแผนเปิดโครงการมูลค่ารวม 6.4 พันล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High-rise บนที่ดินย่านถนนจันทร์-สาทร ระดับลักชัวรี่คอนโด ราคาขายเฉลี่ย 180,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดการขายในช่วงไตรมาส 2/62 และยังมีโครงการที่เป็นส่วนต่อขยายของโครงการที่หัวหิน และภูเก็ตที่จะมีการขยายเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการส่วนต่อขยายของโรงแรมศรีพันวาภูเก็ต ที่จะมีการก่อสร้างคอนเวนชั่นฮอลล์ขนาดจุ 400 คน พร้อมห้องพักแบบพลูสวีท เพิ่มอีก 20 ห้อง เพื่อรองรับการขยายตัวของการจัดงานอีเว้นท์ ประชุม สัมมนา ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่า 1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 62 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 63 พร้อมกับการก่อสร้างพลูวิลล่าเพิ่มอีก 4 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท

ส่วนโครงการที่หัวหินจะมีการขยายในส่วนโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ที่ได้มีการเริ่มก่อสร้างในส่วนของเมนโฮเทล เป็นอาคารสูง 12 ชั้น 50 ห้องพัก พร้อมห้องประชุม จัดเลี้ยง ร้านอาหาร สปา มูลค่า 1.5 พันล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ จะมีการก่อสร้างเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ พลูวิลล่า ที่โครงการทิวทะเลเอสเตท จำนวน 7 หลัง ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มูลค่า 200 ล้านบาท และจะมีการพัฒนารูปแบบโครงการที่พักอาศัยในโครงการทิวทะเลรูปแบบใหม่ที่เป็นแบบ Time sharing ภายใต้รูปแบบ Vacation club house ระยะเวลาการเช่า 20 ปี ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยสูง 16 ชั้น จำนวน 80 ยูนิต ซึ่งจะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า พร้อมทั้งจะมีการพัฒนาในส่วนของปั๊มน้ำมันและพื้นที่ค้าปลีกด้านหน้าโครงการทิวทะเล บนพื้นที่ 5 ไร่ มูลค่า 80 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัยในโครงการทิวทะเลและบุคคลภายนอกด้วย

นายสงกรานต์ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการในปีหน้าบริษัทจะเน้นการใช้ที่ดินเปล่าที่มีอยู่มาพัฒนา เพื่อสร้างรายได้กลับคืนมา โดยจะเน้นการพัฒนาพื้นที่ในหัวหินและภูเก็ตเป็นส่วนใหญ่ ส่วนโครงการในกรุงเทพฯบริษัทจะพัฒนาเฉพาะทำเลในเมืองที่มีศักยภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และลูกค้าชาวต่างชาติ และเป็นทำเลที่มีซัพพลายใหม่ในตลาดออกมาไม่มากนัก ซึ่งจะมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมาก โดยบริษัทไม่ได้ตั้งงบซื้อที่ดินไว้สำหรับปี 62 เนื่องจากบริษัทมีที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนามีมูลค่ารวม 3-4 พันล้านบาท

ส่วนธุรกิจโรงแรมจะเน้นการขยายสู่การเป็นเชนบริหาร ซึ่งเริ่มจากการบริหารโรงแรมให้กับพันธมิตรจากจีน คือ จุนฟา ในการบริหารโรงแรมที่ไหหลำ ซึ่งคาดว่าจะมีกำหนดการเปิดให้บริการได้ในปี 62 และอยู่ระหว่างการเตรียมรับบริหารโรงแรมอีกแห่งของพันธมิตรในประเทศจีนเพิ่มเติม โดยที่สัดส่วนรายได้ระหว่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในระยะยาวคาดว่าจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ 60:40

ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด เพราะเริ่มมีการโอนโครงการเข้ามามากขึ้น โดยที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 62 โดยที่เดือนต.ค. ที่ผ่านมารับรู้รายได้ไปแล้ว 200-300 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-15% และธุรกิจโรงแรมก็ยังคงมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีกำไร หลังจากที่ครึ่งปีแรกของปี 61 บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 88.31 ล้านบาท

ส่วนแผนการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) บริษัทวางแผนขายสินทรัพย์เข้ากองในปีนี้มูลค่า 500 ล้านบาท และในปี 62 จะขายสินทรัพย์เข้ากองอีก 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีสินทรัพย์ของบริษัทและสินทรัพย์จากภายนอกที่บริษัทจัดหามาขายเข้ากอง เพื่อขยายขนาดกองทรัสต์ SRIPANWA ให้เพิ่มขึ้น โดยสิ้นปีนี้ขนาดกองทรัสต์ดังกล่าวจะอยู่ที่ 3.5-4 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่ 3 พันล้านบาท

สำหรับผลกระทบของมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เป็นสัญญาที่ 2 และที่อยู่อาศัยราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากมาตการดังกล่าว เพราะบริษัทพัฒนาโครงการที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งลูกค้า 60-70% ที่ซื้อที่อยู่อาศัยของโครงการบริษัท ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทำให้ไม่มีผลกระทบ

ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้ชะลอการพัฒนาโครงการระดับล่างไปแล้วหลังจากที่ตลาดระดับล่างได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยที่โครงการส่วนใหญ่ที่บริษัทเปิดตัวในปีนี้ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี เช่น โครงการ บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ ชะอำ-หัวหิน ทำยอดขายได้แล้ว 90% โครงการแนวราบ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 ที่ขณะนี้บ้านตัวอย่างจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้ ปัจจุบันมียอดขายแล้วถึง 40% ด้วยราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท และโครงการบ้านอิสสระ บางนา ก็ยังทำยอดขายได้ดีอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ