(เพิ่มเติม) TSTH ปรับลดเป้ายอดขายงวดปี 62 เหลือใกล้เคียงงวดปี 61, คาด EBITDA ใน H2 ดีกว่า H1

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 6, 2018 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทาสตีล (TSTH) คาดว่ายอดขายงวดปี 62 (สิ้นสุด มี.ค.62) จะใกล้เคียงงวดปี 61 ที่มียอดขาย 1.21 ล้านตัน จากก่อนหน้านี้ที่ตั้งเป้ายอดขายทั้งงวดปี 62 ที่ 1.25-1.30 ล้านตัน เนื่องจากงวดครึ่งปีแรกมียอดขาย 5.69 แสนตัน ลดลงจากงวดครึ่งแรกปี 61 ที่มียอดขาย 6 แสนตัน

ขณะที่ บริษัทคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าคัดจำหน่าย (EBITDA) ในงวดครึ่งปีหลัง (ต.ค.61-มี.ค.62) จะดีกว่างวดครึ่งปีแรกที่มี EBITDA จำนวน 450 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเติบโตตามความต้องการเพิ่มขึ้นจากโครงการภาครัฐออกมามากขึ้น และราคาขายมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งปกติในไตรมาส 4/62 ราคาจะดีขึ้น จากครึ่งปีแรกที่ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นทั้งเศษเหล็กแ ละ Billet ขณะที่ความต้องการทรงตัวทำให้ไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้เพราะมีการแข่งขันสูง

"เราคาดว่ายอดขายในปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่มียอดขาย 1.21 ล้านตัน จากกำลังการผลิตรวม 1.7 ล้านตัน หรือมี Utilization 72% ...คิดว่า Margin น่าจะดีขึ้น ในครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าในเดือนธันวาคมขึ้นไปยอดขายน่าจะเริ่มเข้ามาตามความต้องการมากขึ้นที่มองว่าโครงการภาครัฐจะออกมามากขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายของเราเอง"นายราจีฟ กล่าว

ทั้งนี้ นายราจีฟ คาดว่าในปีนี้ (ม.ค.-ธ.ค.61) ความต้องการเหล็กภายในประเทศเพิ่มขึ้นราว 4-5%โดยเหล็กทรงแบนมีการผลิตและขายมากกว่าเหล็กเส้น และปี 62 จะมีความต้องการมากขึ้น จากโครงการลงทุนของภาครัฐขนาดใหญ่จะทยอยออกมา อาทิ โครงการลงทุนสาธาณูปโภคพื้นฐาน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ที่เร่งเดินหน้า โดยเฉพาะในงวดไตรมาส 4 (ม.ค.-มี.ค.62) จะเป็นช่วงที่มีการซื้อขายสูง นอกจากนี้ตลาดส่งออกในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา ก็ยังเติบโตได้ดี

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความกังวลว่าจะมีสินค้าเหล็กจากจีนจะเข้ามาแข่งขันในไทยเพิ่มขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และสร้างความไม่แน่นอนในตลาดภูมิภาคเอเชีย นอกจากนั้นยังมีสินค้าเหล็กแท่งและเหล็กเส้นจากตุรกี กาตาร์ และกลุ่มเครือรัฐเอกราชกำลังหาทางเข้าสู่เอเชียด้วย

แต่แนวโน้มราคาเศษเหล็กนำเข้าอาจลดลง เนื่องจากขาดความต้องการในตุรกีจากอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น และความต้องการของยุโรปและตะวันออกกลางลดลง

นายราจีฟ กล่าวว่า บริษัทเตรียมลงทุนโครงการ Solar Rooftop ใน 3 โรงงาน กำลังการผลิตรวมราว 6 เมกะวัตต์ รวมเป็นเงินประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยุ่ระหว่างคัดเลือกผู้ร่วมทุนและเทคโนโลยี คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปี 61 และใช้เวลาติดตั้ง 6 เดือน โดยเชื่อว่าจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ราว 25-30% ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุน Solar Rooftop ที่โรงงานเหล็ก่อสร้างสยาม (SCSC)

ทั้งนี้ 3 โรงงานที่เตรียมลงทุนได้แก่ โรงงานเอ็น.ที.เอส สตีลกรุ๊ป (NTS) โรงงานเหล็กสยาม (SICCO) และ SCSC ด้วย

นายชัยเฉลิม บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ -การตลาดและการขาย TSTH กล่าวว่า ปัจจุบัน TSTH เป็นผู้จำหน่ายเหล็กในประเทศ ชื่อ "TISCON" มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็น 30% ในฐานะผู้นำตลาด บริษัทมีโยบายส่งเสริมให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพของเหล็กเส้นก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตารมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐานระดับโลก เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคต้องมาก่อน และเพื่อช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างใหิ้เกิดการเติบโตและพัฒนาตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐด้วยการลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมัย ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพโดยควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ท่ามกลางภาวะเหล็กเส้นล้นตลาดที่อาจมีเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน มอก. ปะปนอยู่ในตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ