นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บริษัทในกลุ่มบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายของกลุ่มพรีเมียมในปี 62 ที่ 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ ตามการปรับกลยุทธ์ใหม่ที่จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ หรือ Exclusive Demand เพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ และต่อยอดการพัฒนาโครงการในกลุ่มระดับบนให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ อีกทั้งยังคงเน้นกลุ่มลูกค้า High Networth ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อโครงการในกลุ่มพรีเมียม
ส่วนเป้าหมายยอดโอนของกลุ่มพรีเมียมในปี 62 คาดว่าจะเติบโต 200-300% หรือมาอยู่ที่ 6 พันล้านบาท จากยอดโอนปีนี้ 2 พันล้านบาท โดยจะเป็นการโอนต่อเนื่องของโครงการ Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง เข้ามามากขึ้นกว่าปี 61 และจะมีโครงการ The Reserve ทองหล่อ 2 เริ่มโอนในช่วงไตรมาส 3/62 โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของกลุ่มพรีเมียมทั้งหมด 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 42% ของ Backlog ทั้งหมดในปัจจุบันที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 64
ขณะที่ยอดขายของกลุ่มพรีเมียมปัจจุบันสามารถทำได้แล้ว 7 พันล้านบาท เกินเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งไว้ระดับ 6.8 พันล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย.นี้ บริษัทจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่มพรีเมียม คือ โครงการ The Reserve 61 Hideaway มูลค่า 2.7 พันล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 7 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 ราคาขายเฉลี่ย 260,000 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) หรือราคาขายอยู่ที่ 12-60 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าในช่วงวันพรีเซลจะสามารถทำยอดขายได้ 70% โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้า High Networth เข้ามาจองซื้อไว้แล้ว
นอกจากนี้ ในช่วงเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทจะเปิดการขายแบบ Soft launch อีก 1 โครงการไนกลุ่มพรีเมียมที่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ย่านทองหล่อ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 150,000 บาท/ตารางเมตร คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งปัจจุบันโครงการของกลุ่มพรีเมียมที่ได้เปิดไปแล้วมีทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาท และมียอดขายรวมทั้งหมด 1.6 หมื่นล้านบาท
ด้านภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 คาดว่ายอดขายรวมทั้งตลาดจะเติบโต 0-5% จากปีนี้ที่เติบโต 10% หรือมีมูลค่ายอดขายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 4.8 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปี 60 แต่ในปี 62 อัตราการเติบโตอาจลดลง เพราะเป็นการเติบโตจากฐานสูงที่ต่อเนื่อง 2 ปี ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 ยังคงมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดระดับบนที่กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูงยังคงซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งก็จะเข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย
นอกจากนี้ การเติบโตที่ชะลอตัวลงของภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้านั้น ยังมาจากแรงกดดันจากมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อยู่ระหว่างรอความชัดเจน หาก ธปท.ไม่ผ่อนปรนเกณฑ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าตลาดบนส่วนใหญ่ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว จะให้ความสำคัญกับส่วนต่างของมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า แม้ว่ากรณีที่จะต้องใช้เงินดาวน์เพิ่มขึ้นแต่ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีความสามารถหาเงินมาจ่ายเพิ่มได้ไม่ยาก และหาก ธปท.ผ่อนปรนเกณฑ์ก็จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 เติบโตได้ในระดับ 5%