EVER ลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร-รายได้โตเกือบเท่าตัว แม้ 9 เดือนแรกยังขาดทุน หวังยอดโอนโครงการหนุนโค้งสุดท้าย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 12, 2018 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าจะเห็นผลการดำเนินงานที่ดี โดยรายได้มีโอกาสเติบโตเกือบเท่าตัว จาก 725 ล้านบาทในปีที่แล้ว และมีโอกาสพลิกเป็นกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน โดยเฉพาะในไตรมาส 4 /61 เพราะได้รับปัจจัยบวกจากยอดโอนโครงการเดอะโพลิแทน บรีซ, เดอะโพลิแทนรีฟ และโครงการแนวราบบางส่วน ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และผลักดันให้ผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์

ขณะที่ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 550 ล้านบาท และขาดทุนลดลงเหลือ 158.86 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุน 202.98 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการแนวสูง เดอะโพลิแทน บรีซ มูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท ที่ทยอยโอนล็อตแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาและทยอยโอนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้

"เราพยายามกระจายความเสี่ยงของพอร์ต โดยเฉพาะการขยายโครงการแนวราบ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงทำให้เราพูดคุย วางแผนที่จะหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ซึ่งเตรียมงบลงทุนไว้ 800 ล้านบาทต่อปี ส่วนแนวสูงในปีนี้ก็จะสนับสนุนผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน"นายสวิจักร์ กล่าว

นายสวิจักร์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความเปราะบางด้วยปัญหาเศรษฐกิจในปีนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เร่งหากลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายที่จะเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทขยายตัวทิศทางที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง

โดยที่ผ่านมาบริษัทเร่งขยายแบรนด์แนวราบนอกเหนือจากโครงการแนวสูง และให้ความสำคัญซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะการเปิดขายโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ มายโฮม อเวนิว สไตล์ MODERN CHIC บนทำเลรามอินทรา-จตุโชติ ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ มียอดโอนกว่า 50% ของมูลค่าโครงการ 300 ล้านบาทและคาดว่าจะเริ่มโอนได้ภายในปลายปี 2561 บางส่วน ขณะที่ทาวน์โฮม แบรนด์ เอเวอร์ ซิตี้ เช่น ย่านสุขสวัสดิ์ , หนามแดง ฯลฯ ได้เริ่มทยอยก่อสร้างบ้านตัวอย่าง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจะเปิดขายแล้ว

นอกจากนี้บริษัทยังมองหาการขยายการลงทุน โดยเฉพาะการซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพราะโครงการแนวราบใช้ระยะเวลาก่อสร้างสั้น 6-9 เดือนและรับรู้รายได้เร็วเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 2-3 ปีกว่าที่จะรับรู้รายได้ ซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานใหม่ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ