นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แพลนบี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/61 สามารถสร้างยอดขายและกำไรสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้งกิจการ โดยมีรายได้รวม 1,201.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.3% กำไรสุทธิเท่ากับ 178.0 ล้านบาท เติบโต 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การเติบโตในอัตราที่สูงของทั้งรายได้และกำไรสุทธิเป็นผลจากการขยายธุรกิจทั้งสื่อโฆษณาฯ อย่างต่อเนื่องด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทในปี 2561 กำลังการผลิตสื่อโฆษณาฯ ในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 13.4% ส่งผลให้ธุรกิจสื่อโฆษณามีรายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกประเภทสื่อ โดยเฉพาะสื่อโฆษณาประเภทดิจิตอลฯ สื่อโฆษณาภายในสนามบิน และสื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้าที่มีอัตราเติบโตของรายได้เท่ากับ 38.9% 56.7% และ 19.6% ตามลำดับ
นอกจากนี้เป็นผลสำเร็จจากการพัฒนาธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ผ่านคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ 2 ประเภทคือ กีฬา และ ดนตรี ซึ่งช่วยผลักดันให้อัตราการใช้สื่อโฆษณาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 74.4% จากการขายแพคเกจสื่อโฆษณาฯร่วมกับ Engagement marketing ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สื่อโฆษณาฯ ของบริษัทสามารถเข้าถึงเม็ดเงินโฆษณาได้ดีกว่าสื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ และส่งผลให้แพลนบีมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยโดยรวมที่เติบโตเพียง 3.14% ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำหรับปี 62 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในระดับ 15-20% ดังเช่นในปีที่ผ่านมาด้วย 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้ การขยายธุรกิจสื่อโฆษณาโดยการเติบโตภายใน (Organic growth) และการเติบโตผ่านการควบรวม (Inorganic growth) โดยบริษัทวางแผนเพิ่มพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยครบวงจร (Media Capacity) เพิ่มขึ้นอีก 10-15% ทั้งการขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาทั้งประเภทภาพนิ่งและประเภทดิจิตอลในทำเลยุทธศาสตร์ในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด การพัฒนาสื่อโฆษณาบนระบบขนส่งมวลชนทั้งบนรถประจำทางและรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่จะเริ่มเปิดให้บริการในปี 62 การขยายพื้นที่ให้บริการของสื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้าในโครงการที่พัฒนาใหม่ อาทิ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เป็นต้น รวมไปถึงการพัฒนาพื้นที่สื่อโฆษณาเพิ่มเติมในสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินทั่วประเทศ รวมเป็นพื้นที่ที่สื่อโฆษณาที่สามารถให้บริการเต็ม 100% มากกว่า 5,200 ล้านบาทต่อปี พร้อมทั้งจะเพิ่มระดับอัตราการใช้สื่อโดยรวมให้สูงขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 75-78% (จากปี 61 ที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 73-75%) ซึ่งนอกจากจะช่วยให้รายได้ของบริษัทเติบโตแล้ว ยังช่วยพัฒนาอัตรากำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การพัฒนาธุรกิจ Engagement Marketing และเพิ่มคอนเทนท์ประเภทต่างๆ นอกเหนือจากดนตรีและกีฬา เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยแพลนบีได้เปิดตัวคอนเทนท์ประเภทที่ 3 ได้แก่ อีสปอร์ต ภายใต้ชื่อ Thai E-League Pro ซึ่งเป็นลีกการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตระดับอาชีพอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ ผู้พัฒนาเกมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น Konami เจ้าของสิทธิ์ Pro Evolution Soccer 2019 (PES2019) ซึ่งเริ่มแข่งขันครั้งแรกในเดือน พ.ย.61 โดยบริษัทแพลนบีจะเป็นผู้บริหารการแข่งขันดังกล่าว และถือเป็นการต่อยอดธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) และช่วยเสริมรายได้ทั้งในธุรกิจสื่อโฆษณาฯ และธุรกิจ Engagement marketing ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการลงทุนพัฒนาช่องทางและเพิ่มความหลากหลายด้วยนวัตกรรมของสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับสินค้าและบริการอื่นๆ และด้วยการพัฒนาธุรกิจ Engagement Marketing ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทางการทุกๆกลุ่ม จะซึ่งเป็นหัวใจหลักที่จะช่วยทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายในทั้งสองธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต รวมเป็นโอกาสให้แพลนบีก้าวไปสู่แพลตฟอร์มต่างๆได้ อาทิ สื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ แอฟลิเคชั่น เกม ภาพยนต์ การ์ตูน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ได้จำกัดอยู่เพียงธุรกิจอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย และจะสามารถก้าวไปสู่อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโดยรวมที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาทในอนาคต