(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-วอลุ่มเทรดบางในช่วงรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,630-1,640 จุด และวอลุ่มเทรดก็คงจะยังบางอยู่ ซึ่งตลาดบ้านเราถือว่าวอลุ่มเทรดต่ำกว่าระดับ 4 หมื่นล้านบาทต่อวันติดต่อกันมา 4 วันแล้ว เนื่องจากนักลงทุนต้องรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดหวังว่าจะผ่อนคลายการค้าได้บ้าง

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราน่าจะได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่องจากกองทุนในประเทศ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย โดยคืนนี้ให้ติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้นการแถลงครั้งนี้ให้รอดูท่าทีของประธานเฟดว่าจะมีท่าทีอ่อนลงหรือไม่

ด้านราคาน้ำมันทรงตัว ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในสัปดาห์หน้า จากการเก็งผลประชุมกลุ่มโอเปกที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะลดกำลังการผลิต

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,748.73 จุด เพิ่มขึ้น 108.49 จุด (+0.44%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,082.70 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด (+0.01%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,682.17 จุด เพิ่มขึ้น 8.72 จุด (+0.33%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 84.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 74.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 6.63 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 พ.ย.61) 1,634.27 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด (+0.21%)
• นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,232.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ย.61
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 พ.ย.61) ปิดที่ 51.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 พ.ย.61) ที่ 4.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 33.03/06 อ่อนค่าจากวานนี้หลังดอลล์แข็ง ตลาดรอความคืบหน้าประชุม G20
• ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มเป็น 25% จาก 10% ในมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า รวมถึงเก็บภาษีไอโฟน-โน๊ตบุ๊ค นำเข้าจากจีนในอัตรา 10% หากล้มเหลวเจรจาผู้นำจีนนอกรอบการประชุมจี 20 ที่อาร์เจนตินาวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ขณะหุ้นแอปเปิ้ล ทรุดเกือบ 2% รับข่าวร้าย
• กรมท่าอากาศยาน เผยแผนตลาดลดค่าแลนดิ้งและ PSC 50% บวกมาตรการฟรีวีซ่าและ เที่ยวเมืองรอง จูงใจสายการบินเปิดบินเส้นทางใหม่ ฟื้นนักท่องเที่ยวจีน โดยแอร์ไลน์จีนเตรียมแผนเปิดบิน "โคราช, กระบี่"ตั้งเป้า ปี62 ผู้โดยสารโต 4-7%
• "กนอ." ร่อนหนังสือถึงกระทรวงพลังงานหวังได้รับคำตอบนโยบายส่งเสริมการใช้ LNG ชัดเจนเพื่อประกอบการตัดสินใจคัดเลือกเอกชนเข้าพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 (ช่วงที่ 1) เพื่อพัฒนาท่าเรือนำเข้าก๊าซฯ รับลงทุนในพื้นที่อีอีซี หลังเอกชนวิตกดีมานด์ต่ำ
• รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI)เดือน ต.ค.61 ขยายตัวร้อยละ 4.08 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผล 10 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 3.04 อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ต.ค.61 อยู่ที่ร้อยละ 67.75 อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ บุหรี่ น้ำตาลทราย น้ำมันปิโตรเลียม และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน และคาดว่าตลอดปีนี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและจีดีพีภาคอุตสาหกรรมจะโตเท่ากันที่ร้อยละ 2.5

*หุ้นเด่นวันนี้

• PLAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 9.40 บาท แม้ปรับลดประมาณการปี 2561-2562 ลง 5-12% จากการเลื่อนเปิดโครงการ เดอะ มาร์เก็ตฯ แต่คาดกำไรปี 2562 ยังเติบโต 22% จากการรับรู้รายได้โครงการ เดอะ มาร์เก็ตฯ ตั้งแต่กลางเดือน ก.พ. 2562 ส่วนการเติบโตของบริษัทในช่วงปี 2563-2565 จะมาจากการเปลี่ยนสัญญาเช่าที่แพลทินัมฯ จากสัญญาระยะยาวเป็นระยะสั้นซึ่งทำให้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ อีกทั้งคาดจะทยอยเปิดโรงแรมและโครงการ Mixed use
• SC (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 4.10 บาท วานนี้บริษัทประกาศแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Nishi-Nippon Railway (NNR) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งทำธุรกิจรถไฟและรถบัส รวมถึงธุรกิจอื่นๆจำนวนมากในตอนเหนือของเกาะคิวชู โดย SC จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน 54.99% และ NNR ถือหุ้น 45% โดยมีแผนในการพัฒนาโครงการอสังหาฯร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นอสังหาฯที่สามารถสร้างกำไรสูงสุดในเวลาที่สั้นที่สุด และเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนญี่ปุ่นหลายรายเข้ามาลงทุนในไทยเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว โดยเห็นประโยชน์จากการร่วมทุนทั้งในแง่ความสามารถทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของ SC รวมถึงอาจมีการส่งต่อข้อมูลและวิธีการพัฒนาโครงการจากญี่ปุ่น รวมถึงต้นทุนทางการเงินอาจต่ำลง
• PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท กำไร Q3/61 ที่น่าผิดหวังเพราะมีค่าใช้จ่ายทำดีล BigSea 18 ลบ. ซึ่งจะไม่มีใน Q4/61 จึงทำให้คาดกำไรสุทธิจะกลับมาโตเด่น 13% Q-Q, 139% Y-Y อยู่ที่ 247 ลบ. ส่วนท่องเที่ยวภาคใต้ที่ชะลอไม่กระทบ เพราะมีการปรับแผนเพิ่มสัดส่วนการขนน้ำมันขากลับมากขึ้น ด้านราคาน้ำมันเริ่มชะลอการปรับลง, ค่าระวางเรือ Aframax ปรับขึ้นเร็ว 19% Q-Q อยู่ที่ $17,500/pdpr, และมีลูกค้าใหม่อยากใช้เรือเก็บน้ำมันกลางทะเลเพื่อรองรับ IMO มากขึ้น