ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงกว่า 200 จุดเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจการเงินในสหรัฐ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 20.7 จุด ปิดที่ 6,202.0 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่งวันที่ 6,147 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.9 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า เมอร์ริล ลินช์ อาจจะขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองเป็นวงเงินสูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้เบื้องต้นถึง 2 เท่า และส่งผลให้เมอร์ริล ลินช์ ต้องระดมเงินทุนเพิ่มจากนักลงทุนภายนอก
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มสินค้าครัวเรือน ถูกเทขายเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการและการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทโบรกเกอร์
โดยหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคนั้น หุ้นอินเตอร์เนชันแนล เพาเวอร์ ร่วงลง 23.5 เพนซ์ ปิดที่ 434.5 เพนซ์ หุ้นบริติช เอนเนอร์จี ร่วงลง 25 เพนซ์ ปิดที่ 557 เพนซ์ หุ้นสก็อตติช แอนด์ เอนเนอร์จี ร่วงลง 66 เพนซ์ ปิดที่ 1,613 เพนซ์ และหุ้นเนชั่นแนล กริด ดิ่งลง 25 เพนซ์ ปิดที่ 836 เพนซ์
ส่วนหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มนั้น หุ้นดิเอโกปรับตัวลง 30 เพนซ์ ปิดที่ 1,021 เพนซ์ หุ้นแคดบิวรี-ชเวปส์ ร่วงลง 18 เพนซ์ ปิดที่ 587.5 เพนซ์ ขณะที่หุ้นยูนิลีเวอร์ร่วงลง 90 เพนซ์ ปิดที่ 1,729 เพนซ์ หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ประกาศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ 'underweight' จากระดับ 'equal-weight'
หุ้นโรลล์-รอยซ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ร่วงลง 11 เพนซ์ ปิดที่ 514 เพนซ์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทเตรียมลดจำนวนพนักงาน 2,300 ตำแหน่งในประเทศอังกฤษ สหรัฐ และเยอรมนี เพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการทำกำไร
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--