สมาคมวิเคราะห์หลักทรัพย์สะท้อนมุมมองต่อตลาดทุนไทยภายหลังการเลือกตั้ง

          นายวิชัย เลิศสุพงศ์กิจ กรรมการสมาคมวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดทุนไทยหลังการเลือกตั้งจะยังคงมีความผันผวนในระดับสูง โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกของปีนี้เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลให้เกิดความเสี่ยงและการชะลอการตัดสินใจรวมทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย 
          "ตอนนี้คงต้องติดตามปัญหาการเมืองที่ยังง่อนแง่นและกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งจะเห็นได้ว่าปัญหาดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวน้อยต่ำกว่า 5% เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งขยายตัวเกิน 6% ไม่นับรวมญี่ปุ่นที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นชนวนกดดดันตลาดหุ้นไทยด้วย"
          นอกจากนี้จากความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลดลง ส่งผลให้พีอีอยู่ที่ 11 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาคที่พีอีอยู่ที่ 16-17 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนก็น้อยเพื่อนบ้านที่ผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 40 % ไทย 26% 
          แต่อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยการเมืองคลี่คลาย และเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเชื่อว่าจะทำให้ภาวะการลงทุนในครึ่งปีหลังกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นตัวผลักดันเม็ดเงินในการข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งมีแนวโน้มว่าฐานกำไรของบจ.ปี 51จะดีกว่าปี 50 ที่ส่วนใหญ่ขาดทุน ประกอบกับเชื่อว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะดีกว่าซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันกำไรของบจ. เพราะหากจัดต้งรัฐบาลได้ก็จะทำให้เกิดการลงทุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเมกะโปรเจคต์ การลงทุนของภาคเอกชนก็จะตามมา จะทำให้ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสในการเข้ามาลงทุน 
          สำหรับค่าเงินบาท ยังคงอยู่ในช่วงแข็งค่าต่อเนื่องจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เละหากเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 3% อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะฉุดเศรษฐกิจประเทศอื่นชะลอตัวลงด้วย