ทริสฯ ลดอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ "บ. เงินติดล้อ" เป็น "A-" จาก "A" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 6, 2018 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทมาอยู่ที่ระดับ "A-" จาก "A" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึง ระดับความสำคัญที่ลดลงของบริษัทในฐานะบริษัทย่อยเชิงกลยุทธ์ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จากเจตนาการลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 50%

อันดับเครดิตสะท้อนถึงพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของสถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในตลาดสินเชื่อบุคคลที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือสินเชื่อทะเบียนรถ ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังซึ่งเห็นได้จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีอย่างต่อเนื่องและนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวด อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในแบรนด์ "เงินติดล้อ" ที่เข้าถึงได้และเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่สูงของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงการยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และยังได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถึงแม้ความสัมพันธ์จะลดลง

ทริสเรทติ้งมองว่าการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะขายสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทเงินติดล้อออกไป 50% แสดงให้เห็นถึงระดับความสำคัญที่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ภายในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ เห็นว่าความเข้มแข็งของแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยาต่อบริษัทเงินติดล้อในระยะยาวได้เปลี่ยนแปลงไปจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของเงินติดล้อ

ถึงแม้ว่าจะมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเงินติดล้อลง แต่ทริสเรทติ้งยังเชื่อว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงช่วยเหลือทางด้านการเงินและสภาพคล่องของบริษัทเงินติดล้อในระดับที่พอเพียงต่อการดำเนินธุรกิจและในช่วงเวลาที่บริษัทมีความยากลำบากทางการเงิน บริษัทเงินติดล้อเป็นหน่วยธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ภายใต้กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อของธนาคารพานิชย์ได้ ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารในการขยายธุรกิจต่อไป

สถานะผู้นำในการตลาดที่แข็งแกร่งในสินเชื่อทะเบียนรถ

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของเงินให้สินเชื่อระดับ 1 ใน 3 ของส่วนแบ่งการตลาดของ 3 ผู้ประกอบการรายใหญ่ไว้ได้ การรับรู้ที่เข้มแข็งในแบรนด์สินค้าเกิดจากการที่บริษัทได้สร้างและปรับปรุงแบรนด์ในกลุ่มลูกค้าจากการทำการตลาดและโฆษณาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีขนาดพอร์ตสินเชื่อใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มผู้ประกอบที่ไม่ใช่ธนาคาร ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 โดยมีสินเชื่อทั้งสิ้นคงค้าง 36.4 พันล้านบาท (ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี)

ตลาดสินเชื่อทะเบียนรถยังเป็นที่ต้องการและมีศักยภาพในการเติบโตสูงในกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ ปัจจุบันกลยุทธ์ในการเติบโตของตลาดนี้มาจากการขยายสาขา โดยในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทเงินติดล้อมีสาขาทั้งหมด 765 สาขาเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 29% ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งแล้วยังมีจำนวนน้อยกว่ามาก แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเติบโตได้มากขึ้นจากการขยายจำนวนสาขาเพิ่มหากต้องการ บริษัทมีการจัดการที่มีประสิทธิภาพในด้านเงินให้สินเชื่อต่อสาขาและพนักงาน ในปี 2560 บริษัทมีเงินให้สินเชื่อต่อสาขาและต่อพนักงานเท่ากับ 47.5 ล้านบาท และ 9.0 ล้านบาท เทียบกับค่าเฉลี่ยคู่แข่งที่ 12.4 ล้านบาท และ 5.0 ล้านบาทตามลำดับ

ผลประกอบการอยู่ในระดับที่ดี

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยสูงกว่า 3.4% และมีการเติบโตของกำไรสุทธิในระดับสูงกว่า 10%ต่อปีในช่วง 2 ปีข้างหน้า แรงกดดันของอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยนั้นคาดว่าจะมาจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะสูงขึ้น และดอกเบี้ยที่ทางบริษัทเรียกเก็บจากลูกค้าจะลดลงเนื่องจากมีการขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น ค่าใช้จ่ายดำเนินงานของบริษัทมีผลต่ออัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยสูง องค์ประกอบของฐานลูกค้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีส่วนแบ่งสินเชื่อที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่น้อย เช่น สินเชื่อรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ แม้ว่าระดับการทำกำไรของบริษัทจะลดลงจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่สูงแต่บริษัทก็มีส่วนที่สามารถรองรับหนี้เสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้เสียที่สูงมากกว่า 6 เท่าของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปัจจุบัน?

สำหรับกฎระเบียบใหม่ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบใหม่นี้ เพราะปัจจุบันบริษัทได้เก็บดอกเบี้ยลูกค้าต่ำกว่า 28% ซึ่งเป็นดอกเบี้ยสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้จากลูกค้าตามที่เสนอในกฎระเบียบใหม่

คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวด

ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้าบริษัทจะควบคุมหนี้เสียให้อยู่ในระดับ 1.0%-1.3% ของสินเชื่อรวม ภายใน 4 ปีที่ผ่านมาหนี้เสียของบริษัทอยู่ในระดับ 0.9%-1.4% เมื่อเทียบกับคู่แข่งหนี้เสียของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ แม้ว่าลักษณะกลุ่มลูกค้าของบริษัทจะมีความเสี่ยงจากโอกาสผิดนัดชำระหนี้ที่สูงแต่ระดับหนี้เสียที่ต่ำอย่างต่อเนื่องก็สะท้อนถึงระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีและระมัดระวัง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในระดับ 6.5%-6.7% ต่อสินเชื่อคงค้างรวม ซึ่งบริษัทมีนโยบายที่จะคงระดับสำรองให้สูงกว่า 6.25% ต่อสินเชื่อคงค้างรวม เมื่อเทียบกับคู่แข่งบริษัทมีการตั้งสำรองสูงเกินกว่า 2 เท่าของคู่แข่ง โดยระดับการตั้งสำรอง ณ ปัจจุบันเพียงพอสำหรับระดับหนี้เสียในปัจจุบันและลดทอนความเสี่ยงจากฐานลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 654% ซึ่งสูงมากกว่าคู่แข่งมาก

ฐานทุนและการจัดการสภาพคล่องทางการเงินอยู่ในระดับที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะอยู่ในระดับ 4.1-4.3 เท่า บริษัทมีระดับหนี้สินต่อส่วนทุนสูงกว่าคู่แข่งแต่ยังต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 6 เท่า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าถ้าอัตราส่วนดังกล่าวขยับเพิ่มสูงกว่า 5.5 เท่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะช่วยปรับโครงสร้างทุนให้แก่บริษัท

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะมีเงินทุนเพียงพอในการขยายธุรกิจได้ต่อไป บริษัทมีการบริหารสินทรัพย์และจัดการหนี้สินที่ดี ดังจะเห็นได้จากกระแสเงินรับจากค่างวดที่สูงกว่ากระแสเงินออกจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและเงินกู้ที่ถึงกำหนดทุกช่วงอายุของสินทรัพย์และหนี้สิน

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถและยังคงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพึงพอใจต่อไป คุณภาพสินทรัพย์คาดว่าจะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินและธุรกิจจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องต่อไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทมีสถานะทางการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผลประกอบการด้านการเงินที่เข้มแข็ง และควบคุมค่าใช้จ่ายด้านเครดิตไว้ในระดับที่ดี ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้หากคุณภาพสินทรัพย์หรือสถานะในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้หากความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาลดลง ก็เป็นเหตุให้อันดับเครดิตจะถูกปรับลดลงเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ