(เพิ่มเติม1) TQM เคาะราคา IPO 23 บ./หุ้น เปิดจองซื้อ 12-14 ธ.ค.นี้ คาดเข้าจดทะเบียน 20 ธ.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 11, 2018 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บล. บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 23 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อได้ในวันที่ 12 – 14 ธันวาคมนี้ โดยแต่งตั้ง บล.ธนชาต และ บล.บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO พร้อมแต่งตั้ง บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้

จากผลการสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเป็นอย่างมากและได้แสดงความต้องการจองซื้อหุ้นราคาสูงสุดที่ 23 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานของ TQM ที่เป็นบริษัทที่มีมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสร้างนายหน้าประกันภัยและ ดังนั้นจึงได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 23 บาท โดยบริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะจัดสรรหุ้น TQM ให้แก่นักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนรวม 50.0 ล้านหุ้น หรือประมาณ 67% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้

นางสาวพิมพ์ผกา นิจการุณ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ TQM จะนำไปใช้พัฒนาโครงการสำหรับปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และโครงการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ โดยลงทุนในระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) รวมถึงเพิ่มทุนชำระแล้วในบริษัทแกน ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (TQM Broker) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 225 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.0 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 75,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งในจำนวนนี้จะจัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานบริษัท และ/หรือบริษัทย่อย (ESOP) จำนวนประมาณ 6,100,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.03% ของทุนชำระแล้วภายหลังจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายทั้งหมด และส่วนที่เหลือจะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป

นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธาน TQM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดี โดยในปี 2558 - 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,184 ล้านบาท 2,226 ล้านบาท และ 2,281.7 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโต 1.9% ในปี 2559 และเติบโต 2.5% ในปี 2560 หรือคิดเป็นอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ย (CAGR) 2.2% ต่อปี

ส่วนช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม. – กันยายน) ของปี 2560 และ 2561 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,651.9 ล้านบาท และ 1,818.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโต 10.1%

ส่วนกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 140.4 ล้านบาท ในปี 2558 เป็น 178.2 ล้านบาท ในปี 2559 เป็น 268.3 ล้านบาทในปี 2560 หรือคิดเป็นอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ย (CAGR) 38.3% ส่วนในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม – กันยายน) ของปี 2561 กำไรสุทธิ 276.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท

TQM เป็นผู้นำธุรกิจให้บริการนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย ปัจจุบัน มีพันธมิตรที่เป็นบริษัทประกันภัยกว่า 40 แห่ง มีพนักงานขายที่ได้รับใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยให้บริการกว่า 2,000 คน ผ่านสาขาและศูนย์บริการทั่วประเทศรวม 95 แห่ง ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมและทั่วถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

นายอัญชลิน กล่าวว่า บริษัทฯ ไม่มีความกังวลใดๆ ในการนำ TQM เข้าจดทะเบียนในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ที่ค่อนข้างผันผวน เนื่องจากมั่นใจในผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งดูได้จากในช่วง 10 ปีที่ที่ผ่านมา ถือว่ามีการเติบโตในทุกๆปี และยังเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมประกันภัยด้วย อีกทั้งในอนาคตบริษัทฯ ก็มีการทำแผนการดำเนินงานในระยะสั้นถึงระยะยาวรองรับไว้หมดแล้ว จึงขอให้นักลงทุนมีความมั่นใจที่จะเข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 1,725 ล้านบาท จะนำไปลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประมาณ 21 ล้านบาท, ลงทุนระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ประมาณ 50-80 ล้านบาท และลงทุนในบริษัทย่อย 240 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้หมุนเวียนในกิจการ

"ด้วยลูกค้าปัจจุบันที่เรามีอยู่กว่า 1 ล้านราย เชื่อว่าจะยังคงสนับสนุนผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าธุรกิจประกันภัยจะยังสามารถเติบโตไปได้อีกมาก จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายช่องทางการจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ