(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดภูมิภาคหลังผ่อนคลายสงครามการค้า-เล็งราคาน้ำมันปรับขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 12, 2018 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์กลับได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมามีข่าวคณะรัฐมนตรีจีนเตรียมพิจารณาข้อเสนอปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40% ทำให้ตลาดฯผ่อนคลายประเด็นสงครามการค้า

อีกทั้งยังมีข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดลง หรือชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งเรื่องนี้มองเป็นเรื่องของสหรัฐเอง

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบได้มีการรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง ทำให้น่าจะไปช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งเมื่อวานนี้ดัชนีฯได้ปรับตัวลงไปมากพอควรแล้ว อย่างไรก็ดีวอลุ่มเทรดของตลาดฯคงจะยังบางอยู่

พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,370.24 จุด ลดลง 53.02 จุด (-0.22%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,636.78 จุด ลดลง 0.94 จุด (-0.04%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,031.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด (+0.16%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 200.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 16.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 282.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 14.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 4.90 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ธ.ค.61) 1,633.62 จุด ลดลง 16.37 จุด (-0.99%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,432.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ธ.ค.61) ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ธ.ค.61) ที่ 2.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.75 แข็งค่าจากวานนี้ นักลงทุนคลายกังวลสงครามการค้า คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 32.70-32.80
  • รฟท.เปิดซองราคา ไฮสปีดเทรนสามสนามบิน บีทีเอส-ซีพี ดัมพ์ราคาต่ำเกณฑ์ 1.19 แสนล้าน สอบผ่านแพ็คคู่ รฟท.ขอเวลาพิจารณารายละเอียดประกอบความเป็นไปได้ของโครงการ ย้ำภายใน 14 ธ.ค.นี้ประกาศผู้ชนะ ยังปักหมุด เสนอครม.กลางเดือน ม.ค.2562
  • "สมคิด" สั่งเร่งโครงการ พีพีพีสายสีม่วงช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนา พร้อมตีกลับสายสีส้มโดยให้ไปดูรูปแบบลงทุน พร้อมแหล่งเงินที่เหมาะสมใหม่ ระบุค่างานโยธามีมูลค่าสูง ชี้ให้ไปพิจารณาก่อนนำกลับมาเสนออีกครั้งก.พ.62 ขณะ "รัฐบาล" ตั้งเป้า จัดทำงบสมดุลปี 2573 ภายใต้เงื่อนไข จีดีพีโตเฉลี่ย 4%
  • "อุตตม" นั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการอีอีซี เตรียมดันแผนแม่บท EECi 20 ปีชูเกษตรแปรรูป เพิ่มมูลค่า คาดลงทุนทั้งรัฐและเอกชนกว่าแสนล้านบาทช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย พร้อมชงของบกลางเพิ่มอีก 900 ล้าน ตั้งกองทุนอีอีซี เผยยังได้ไฟเขียว 4 เขตส่งเสริมพิเศษเพิ่มอีก 4 แห่ง ลงทุนกว่า 4.2 หมื่นล้าน
  • เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.สัญจร 12-13 ธ.ค.นี้ รฟท.เร่งเคาะรถไฟไทย-จีน เฟส 2
  • "พาณิชย์" ถกเอกชนประเมินส่งออก ชี้ผลพวงสหรัฐฯ-จีน พักรบสงครามการค้า ทำส่งออกปลายปี คลี่คลาย มั่นใจทั้งปีโต 8% แน่ ส่วนปี 62 ยันเป้า 8% พร้อมโชว์แผนเจาะตลาดเป็นรายประเทศและรายสินค้า ด้านเอกชนมองมีโอกาสโต 5-7% เหตุเอกชนมองเป็นรายสินค้า ส่วนพาณิชย์มองเป็นรายตลาด ย้ำจากนี้ไปต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 21 บาท คาดกำไรปกติปี 2561 โต 17% Y-Y อยู่ที่ 1,077 ล้านบาท และโตต่อเนื่องอีก 15% Y-Y อยู่ที่ 1,240 ล้านบาท จากทั้งผู้ป่วยเงินสดที่โตตามการบริโภคและโควต้าประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ WMC ที่พลิกมีกำไรโดดเด่น และรพ.เกษมราษฎร์รามคำแหงคาดไม่ถ่วงผลการดำเนินงานอย่างมีนัยยะ และเป็นหุ้น Domestic ที่ Beta ต่ำ ขณะที่ ราคาหุ้นฟื้นตัวโดดเด่นสุดในกลุ่ม รพ. จึงน่าจะทนทานต่อความผันผวนของตลาดได้ดี
  • CK (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 31 บาท เก็งกำไรข่าว รฟท.จะเปิดซองประมูลงานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดย CK มีโอกาสชนะการประมูลสูง เนื่องจากมีกลุ่มพันธมิตรที่แข็งแกร่ง (CP holding +CK + BEM + China railway+ITD)
  • CPALL (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 85 บาท ให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะเอื้อต่อผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกหรือกลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค โดย CPALL จะได้รับผลดีจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี หลังจากที่ทำกำไร Q3/61 ได้มากกว่าที่คาด โดยได้รับผลดีจากการบริหารสินค้าที่มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้และลดสินค้ามาร์จิ้นต่ำลง บริหาร Distribution Center ได้ดีขึ้น บ.ลูก MAKRO เริ่มฟื้นตัวจากเดิมที่คาดว่าจะอ่อนตัว ราคาสินค้าอาหารสดหมูไก่อยู่ในแนวโน้มดีขึ้น การขยายสาขาเป็นไปตามแผน จึงคงประมาณการกำไรปี 2561 ที่ 20.9 พันล้านบาท และขยายเข้าสู่ธุรกิจ logistics ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตามธุรกิจ e-commerce ที่ขยายตัวสูง 10-15% ต่อปี รวมถึงการพัฒนามหาวิทยาลัยในจีน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ