ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ TRUE วงเงินไม่เกิน 12,246 ลบ. ที่ระดับ "BBB+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 13, 2018 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่ระดับ "BBB+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ "A-" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 12,246 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระหนี้เงินกู้ยืมที่จะครบกำหนดและใช้หมุนเวียนในบริษัท

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่ครบวงจรด้วยการมีโครงข่ายที่ครอบคลุมทั้งในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet) รวมทั้งผลการดำเนินงานในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือเครือเจริญโภคภัณฑ์และ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) จะยังคงให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีปัจจัยกดดันอันเนื่องมาจากภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก

ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รวม 1.04 แสนล้านบาทโดยไม่รวมการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (Digital Telecommunications Infrastructure Fund -- DIF) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1.94 หมื่นล้านบาทโดยไม่รวมการขายสินทรัพย์ให้แก่ DIF และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าของสินทรัพย์และการสิ้นสุดของสัญญาสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐาน

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการให้บริการของทรูโมบายซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Charge -- IC) ยังคงเติบโตในอัตราที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ทรูโมบายมีจำนวนผู้ใช้บริการคิดเป็นสัดส่วน 30.9% ของอุตสาหกรรมและมีรายได้ค่าบริการซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายคิดเป็นสัดส่วน 28.9% ของส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านรายได้ สำหรับทรูออนไลน์นั้น รายได้ที่หายไปจากการสิ้นสุดสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐานได้รับการชดเชยด้วยรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งยังเติบโตได้ดีในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561

ภาระหนี้ของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง ณ เดือนกันยายน 2561 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 63.7% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 5.5 เท่า (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 10.3 เท่า (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง)

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดและมีผลการดำเนินงานที่ดีในกลุ่มธุรกิจหลักซึ่งได้แก่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทคือเครือเจริญโภคภัณฑ์และ China Mobile อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าวเป็นปัจจัยส่งเสริมสถานะเครดิตของบริษัท

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าเมื่อพิจารณาถึงฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันซึ่งมีภาระหนี้สูง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นและลดความเสี่ยงจากภาระทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วอยู่ในระดับเกินกว่า 7 เท่าอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ