KBANK มองปี 62 เป็นความท้าทายของธุรกิจไพรเวทแบงก์ ท่ามกลางภาวะศก.โลกถดถอย ตั้งเป้ารักษา AUM ใกล้เคียงปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 20, 2018 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหาร สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยถึงการดำเนินงานของธุรกิจไพรเวทแบงก์ในปี 62 ว่า ถือว่าเป็นความท้ายทายของธนาคารในดำเนินงานในการแนะนำลูกค้าให้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพราะความไม่มั่นใจในการลงทุนของลูกค้าจากภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นเรื่องยากในการจูงใจให้ลูกค้าเพิ่มการลงทุน โดยที่ระดับสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของลูกค้าไพรเวทแบงก์จะพยายามรักษาให้ทรงตัวจากปีนี้ที่ 7.5 แสนล้านบาท แต่ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไพรเวทแบงก์ที่เป็นลูกค้าชาวจีนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากยังเห็นถึงศักยภาพของลูกค้าชาวจีนที่มีความต้องการลงทุนต่อเนื่อง และธนาคารได้เพิ่มจำนวนพนักงานที่สามารถใช้ภาษาจีนได้เข้ามา โดยตั้งเป้าเพิ่ม AUM ของลูกค้าชาวจีนเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี 62 จากปีนี้ที่ 5.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ธนาคารพร้อมมอบคำแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่จะสร้างความมั่นใจและสบายใจให้กับลูกค้าในภาวะที่จะมีการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนในหลายด้าน ในด้านการลงทุน ธนาคาร พร้อมให้คำแนะและผลิตภัณฑ์เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกค้าก้าวเข้าสู่ปีที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ระยะท้ายของวัฏจักรเศรษฐกิจ (Late cycle) อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเตรียมพัฒนา Global Investment Platform เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนการบริหารทรัพย์สินทรัพย์ด้านอื่น ๆ ธนาคารเตรียมโซลูชั่นเพื่อรองรับกฎหมายใหม่ที่กำลังจะออก เพื่อช่วยลูกค้าเตรียมพร้อมและมีแผนการบริหารจัดการและรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ภาษีที่ดินที่จะบังคับใช้ในปี 63 และกฎหมายทรัสต์

นอกจากนี้ธนาคารจะขยายขอบเขตการให้บริการด้านการให้คำปรึกษาการบริหารทรัพย์สินครอบครัวสู่ลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย และเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการต่างๆ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมาได้อย่างสะดวก ธนาคารมีแผนการพัฒนาช่องทางดิจิทัล ซึ่งต่อยอดจากระบบ Core Banking ระดับโลกที่ธนาคารได้เริ่มใช้งานแล้วในปีที่ผ่านมา

นายจิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 62 มองว่าเป็นการเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของภาวะการถดถอยอีกครั้ง โดยที่จะเห็นว่ามีการปรับประมาณการตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลงจากหลายๆสถาบัน ส่งผลต่อภาพการลงทุนในปี 62 จะยังคงไม่สดใสต่อเนื่องจากปี 61 และคาดว่าจะเห็นความผันผวนต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆในต่างประเทศที่มีผลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 61 ที่ผ่านมา

โดยปัจจัยที่เกิดขึ้นทำให้มีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆที่ให้ผลตอบแทนปรับตัวลดลง ยกเว้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 61 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกติดลบ 2.4% ราคาทองคำปรับตัวลดลง 5% ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 15.3% อัตราผลตอบแทนหุ้นของตลาดพัฒนาแล้วลดลง 7.6% และอัตราผลตอบแทนหุ้นของตลาดกำลังพัฒนาลดลง 16.1% และมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องในปี 62 ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการที่ผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวลดลงมีผลต่อความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนลดลงตามไปด้วย ทำให้ตั้งแต่ปี 61 จะเห็นว่ามีลูกค้าของธนาคารในกลุ่มไพรเวทแบงก์ชะลอการลงทุน และดึงเงินออกมาถือเงินสดแทน

อย่างไรก็ตามธนาคารยังมองว่าแนวโน้มของผลตอบแทนในการลงทุนปี 62 ยังคงเผชิญกับความท้าทายและความผันผวน ที่ทำให้กดดันต่ออัตราผลตอบแทนในการลงทุนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารยังมองว่าแนวโน้มของผลตอบแทนอาจจะมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ผลตอบแทนของลูกค้าลดลง 5.7% จากปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่เกิดขึ้น ซึ่งในปี 62 ธนาคารมองว่ากลยุทธ์ในการลงทุนของลูกค้าแนะนำให้เน้นการถือเงินสดเพิ่มมากขึ้น และเน้นการลงทุนในตลาดตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น หรือลงทุนใน Fixed Income ซึ่งอาจจะทำให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3-4% ในปี 62 แต่หากยังคงมีการลงทุนในหุ้นด้วยอาจจะทำให้ผลตอบแทนยังติดลบได้อยู่บ้าง เพราะตลาดหุ้นจะเป็นการสะท้อนภาพของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวล่วงหน้า 12 เดือน ก่อนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะเกิดขึ้นจริง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ