ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ MTC วงเงินไม่เกิน 4 พันลบ. ที่ระดับ "BBB/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 3, 2019 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ที่ระดับ "BBB" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการขยายพอร์ตสินเชื่อ

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะเป็นผู้นำตลาด การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงจุดแข็งในด้านอื่น ๆ ของบริษัทด้วย เช่น ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง การตั้งสำรองสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพียงพอ และเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แต่อย่างไรก็ตาม การกระจายตัวของสินเชื่อก็ช่วยลดความเสี่ยงของลูกค้าเป้าหมายลงได้บางส่วน นอกจากนี้ กฎระเบียบใหม่สำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้นั้นก็ยังมีความคลุมเครือที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และหลักปฏิบัติในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการได้อีกด้วย

บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีจำนวนสาขามากกว่า 3,000 สาขา ในส่วนของสินเชื่อของบริษัทก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 44,778 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 โดยเพิ่มขึ้น 25.7% จากสิ้นปี 2560 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมยังคงรักษาระดับค่อนข้างต่ำที่ 1.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 259% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 265% ณ สิ้นปี 2560 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.8% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2561 จาก 8.1% ในปี 2560

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อและการก่อหนี้เอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่กฎระเบียบใหม่ส่งผลทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันก็สามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับสูงเอาไว้ได้ตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากบริษัทมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือคุณภาพสินทรัพย์ หรือความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ