(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค หลังเฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น-คาดหวังทางบวกการเจรจาการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 9, 2019 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกัน จากประเด็นต่างประเทศที่คลี่คลายดีขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ซึ่งมองว่าดัชนีฯน่าจะขึ้นทดสอบระดับ 1,600 จุดได้

นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังในทางบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่แม้ว่าจะยืดระยะเวลาการเจรจาออกไปอีกหนึ่งวันก็ตาม

สำหรับบ้านเราในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมก็น่าจะได้รับผลบวก อย่างกลุ่มอาหาร น่าจะได้รับผลบวกจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้ยกเลิกคำเตือนสั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการประมงของไทย ซึ่งจะเป็นบวกต่อ TU และการประมูลคลื่น 700 MHz ที่จะมีการนำเงินมาช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ก็น่าจะทำให้กลุ่มบันเทิงได้ประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มทีวีดิจิทัล ส่วนกลุ่มแบงก์ก็ให้รอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการ

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,590-1,620 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,787.45 จุด พุ่งขึ้น 256.10 จุด (+1.09%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,897.00 จุด เพิ่มขึ้น 73.53 จุด (+1.08%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,574.41 จุด เพิ่มขึ้น 24.72 จุด (+0.97%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 162.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 361.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 19.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.30 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ม.ค.62) 1,594.00 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด (+0.08%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,498.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ม.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ม.ค.62) ปิดที่ 49.78 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ม.ค.62) ที่ 3.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.01 แข็งค่าจากวานนี้ตามทิศทางตลาดโลก คลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
  • อียูปลดใบเหลืองไอยูยู ให้ไทย หลังพยายามแก้ปัญหา 4 ปี "ฉัตรชัย" ลั่นประกาศผลักดันเขตไอยูยูฟรี พร้อมเดินหน้าจัดระเบียบประมงไทย กรรมาธิการอียูชมไทยทำงานหนัก แก้กฎหมาย ใช้มาตรการทางปกครอง ชูเป็น ต้นแบบการแก้ปัญหาของภูมิภาค สรท.แนะทุกฝ่ายเข้มงวดแก้ปัญหาต่อ ป้องกันถูกใบเหลืองอีก
  • ผู้ว่าแบงก์ชาติ เตือนรับมือ "เงินบาท"ปีนี้ส่อผันผวนหนัก ชี้ปัจจัยนอกกดดันทั้งดอกเบี้ยเฟด สงครามการค้า เศรษฐกิจจีน เลือกตั้ง จี้ผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยงค่าเงิน ขณะ สรท. ประเมินส่งออกปีนี้ส่อโตเพียง 5% ห่วงค่าเงินกดดันซ้ำ เล็งหารือแบงก์ชาติหากเงินบาทแข็งแตะ 31 ต่อดอลลาร์
  • ครม.ไฟเขียวขยายระยะเวลา วีซ่าวีโอเอถึง 30 เม.ย. ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย เพิ่มช่วงเทศกาลตรุษจีน - สงกรานต์ คาดสูญเสีย รายได้ 2.1 พันล้านบาทแต่สร้างรายได้เพิ่ม 6.4 พันล้าน "แอตต้า" คาดช่วยกระตุ้นยอดจอง ชาร์เตอร์ไฟลต์ กู้ตลาดกรุ๊ปทัวร์จีน พร้อมประเมินตรุษจีน 5-12 ก.พ.นี้ จีนแห่เที่ยวไทย 2.5 แสนคน เงินสะพัด 1.5 หมื่นล้าน ขณะ สทท. ระบุยอดบุ๊คกิ้ง ก.พ.กระเตื้อง
  • ครม.ไฟเขียวร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 63 กรอบวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2 แสนล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 6.7% โดยเป็น งบประมาณขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท งบลงทุนรวม 6.91 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 63 ขยายตัว 3.5-4.5% อัตราเงินเฟ้อ 0.8-1.8%
  • กสทช.ยืนยันเคาะหลักเกณฑ์ประมูลคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ 15 ม.ค.นี้ คาดเปิดยื่นซองได้ ภายใน เม.ย.นี้
  • สภาผู้ส่งออก คาดส่งออกปี 2562 ขยายตัว 5% ปี 2561 คาดโต 7% จับตาสงครามการค้า

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TU (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 19 บาท ได้ประโยชน์โดยตรงจากข่าว EU ปลดธงเหลืองให้กับสินค้าประมงนำเข้าจากไทย เนื่องจาก TU มีสัดส่วนรายได้ในตลาดยุโรปคิดเป็น 30% ของรายได้รวม
  • ERW (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 7.30 บาท มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินจากการขยาย VOA ไปถึง 30 เม.ย. 62 (เดิมสิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. 62) ซึ่ง ERW เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง โดยผู้บริหาร ERW มองภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2562 จะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักคาดจากการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวประเทศไทยของภาครัฐ ในปี 62 บริษัทวางงบประมาณลงทุนไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ จำนวน 9 แห่ง ซึ่งแบ่งออกเป็น โรงแรมเจาะกลุ่ม Budget Hotel ภายใต้แบรนด์ HOP INN ที่มุ่งเน้นการขยายสาขาในประเทศไทยเป็นหลัก บริษัทคาดว่ารายได้ในช่วง Q4/61 จะเติบโตที่ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีการปรับปรุงโรงแรม JW Marriot แล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมาและกลับมาเปิดดำเนินการแล้ว ประกอบกับจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจและการท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าอัตราเข้าใช้ห้องพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยทั้งปีจะทรงตัวในระดับที่ไม่น้อยกว่า 76% ได้ตามที่เคยคาดการณ์ไว้
  • AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 73 บาท ได้ประโยชน์จากมาตรการหนุนท่องเที่ยวของภาครัฐฯ ที่ต่ออายุ VOA ถึง 30 เม.ย. 62 แนวโน้มกำไร Q1 ปี 61/62 (ต.ค.-ธ.ค.61) จะโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ยังโต และมีการทำโปรโมชั่นช่วง Off Peak (02.00-06.59 น.) ด้านราคาหุ้นยัง Underperform SET50 มาตั้งแต่ต้นปี (+0.8% vs. SET+2.1%) และถ้าอิงตามสถิติ เดือน ม.ค. ถือเป็นเดือนที่ดีของ AOT โดยย้อนไป 6 ปี ไม่มีปีไหนให้ผลตอบแทนติดลบ แถมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 8% ต่อเดือน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ