(เพิ่มเติม) SPALI ตั้งเป้ายอดขายปี 62 ที่ 3.5 หมื่นลบ.จากปีก่อน 3.33 หมื่นลบ.พร้อมหวังรายได้ 2.8 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 14, 2019 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 62 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 3.33 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ ซึ่งเป็นการเปิดโครงการในจำนวนที่สูงกว่าปีก่อนที่เปิดขายไป 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.59 หมื่นล้านบาท

ขณะที่รายได้ของบริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อนที่คาดว่าทำรายได้ตามเป้า 2.6 หมื่นล้านบาท และวางงบซื้อที่ดิน 8 พันล้านบาท

ส่วนภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มองว่าการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะใกล้เคียงกับปีก่อน ในขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แม้ว่าการเติบโตของตัวเลขทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก

ปัจจัยหนุนยังมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีความชัดเจนออกมามากขึ้น ช่วยสนับสนุนกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี ประกอบกับรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งรายได้ของประชาชนหรือเงินเดือนที่เป็นรายได้ประจำยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อ ทำให้ความสามารถในการซื้อของประชาชนเพิ่มมากขึ้น

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามคงเป็นความเข้มงวดในการปลทอยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือน และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ควบคุมอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน (LTV) ส่งผลให้บ้านหลังที่สองหรือบ้านที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นประเด็นที่บริษัทติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าไม่กระทบกับกลุ่มลูกค้าของบริษัทมากนัก

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการก่อสร้างคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน และไม่เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานเหมือนหลายปีก่อนหน้า แต่ปัจจัยหลักที่ผู้ประกอบการจะต้องเผชิญ คือ ต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากที่ดินราคาสูงเกินไปจะทำให้ผู้ประกอบการแบกภาระหนี้สินและภาระดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของบริษัท และความสามารถในการพัฒนาและขายของบริษัทอย่างเหมาะสม ประกอบกับจะต้องบริหารสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและระบายออกมาเพื่อสร้างเป็นรายได้กลับมา

นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ไนปี 62 ราว 1.4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของเป้าหมายรายได้ปี 62 ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่และเริ่มโอนจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ Supalai Elite รัชดา-นราธิวาส-สาทร มูลค่า 2.36 พันล้านบาท ทำยอดขายได้แล้ว 90% จะเริ่มโอนในไตรมาส 1/62 โครงการ Supalai Elite สุรวงศ์ มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ทำยอดขายได้แล้วพอสมควร จะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 2/62 โครงการ Supalai city resort พระราม 8 มูลค่า 1.21 พันล้านบาท จะเริ่มโอนในไตรมาส 2/62 ซึ่งขายได้หมดแล้ว 100% และโครงการ Supalai Veranda พระราม 9 มูลค่า 4.28 พันล้านบาท จะเริ่มทยอยโอนในช่วงต้นไตรมาส 3/62 ซึ่งขายได้ทั้งหมดแล้วเช่นกัน

ขณะที่สต็อกของบริษัทที่อยู่ระหว่างการขายและพร้อมโอนในปัจจุบันมีมูลค่ารวมกันทั้งหมดราว 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2,000 ยูนิต มูลค่า 6 พันล้านบาท และโครงการแนวราบ 1,200 ยูนิต มูลค่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเร่งทยอยขายออกไปในช่วง 3 เดือนก่อนมาตรการ LTV ใหม่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 62 โดยที่บริษัทออกแคมเปญ "โปรแรง แซงทุกมาตรการ" ด้วยการให้ส่วนลด ออกค่าใช้จ่ายการโอน และยินดีคืนเงินหากกู้ไม่ผ่านให้กับลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าที่พร้อมจะซื้อที่อยู่อาศัยมาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัท และเป็นการเร่งยอดขายและยอดโอนในไตรมาสแรกเข้ามามากขึ้น

สำหรับผลกระทบของเกณฑ์ใหม่ของมาตรการ LTV นั้น แม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ยอมรับว่ากระทบกับลูกค้าของบริษัทในสัดส่วน 10% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบที่มีการวางเงินดาวน์ 3-5% และระยะเวลาการดาวน์สั้นเพียง 3 เดือน โดยในส่วนของลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการแนวราบใหม่นั้น บริษัทจะปรับการวางเงินดาวน์เพิ่มเป็น 10% และขยายระยะเวลาการผ่อนดาวน์เป็น 6-8 เดือน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของลูกค้าและบริษัทต่อเกณฑ์ LTV ใหม่ ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมไม่ได้ค่อยได้รับผลกระทบต่อเกณฑ์ LTV ใหม่มากนัก เพราะมีการผ่อนดาวน์เป็นระยะเวลา 3 ปี สัดส่วนเงินดาวน์ที่ 16-18% ซึ่งใกล้เคียงกับเกณฑ์ใหม่ ประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมมีระยะเวลาการเตรียมตัวมากกว่าลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

ส่วนการเปิดโครงการศุภาลัย ไอคอน มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในเบื้องต้นมีกำหนดการเปิดโครงการในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม พื้นที่ค้าปลีก และอาคารสำนักงานให้เช่า โดยโครงการจะมี 1 อาคาร สูง 57 ชั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปี 62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ