(เพิ่มเติม) TCMC ตั้งเป้าปี 62 โต 7-10% ทะลุหมื่นลบ.วางแผนรวบ 3 โรงงานเป็นโรงเดียว พร้อมซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มประสิทธิภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2019 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TCMC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 62 รายได้เติบโต 7-10% หรือทำรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรายได้ 9,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของภาคธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม แนวโน้มจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศ อีกทั้งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐและเอกชน และการขยายของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเติบโตของการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ล้วนจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัทในปีนี้

ปัจจุบันบริษัทแยกโครงสร้างการบริหารของธุรกิจแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์ ซึ่งจะยังคงเน้นการขยายฐานตลาดเดิมไปยังตลาดใหม่และตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและเอเชีย เพื่อส่งให้สินค้าภายใต้การบริหารของ TCMC เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งบริษัทยังมุ่งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพรมอันดับหนึ่งของโลกและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำในทุกกลุ่มธุรกิจที่ทำ

นายพิมล กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น บริษัทมีแผนจะส่งเสริมสินค้าที่ผลิตภายใต้แบรนด์ ‘Royal Thai’ และ ‘Carpets Inter’ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ซึ่งจะมุ่งธุรกิจ B2B โดยเฉพาะกลุ่มโครงการขนาดใหญ่ ธุรกิจ MICE โรงแรมระดับ 5-7 ดาว หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ และซุเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เรือสำราญหรู ซึ่งกำลังเป็นที่ได้รับความนิยมท่ามกลางกระแสการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวแบบหรูหรา (Luxury Tourism) ในตลาดโลก

ทั้งนี้ ในปี 61 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายตลาดพรมไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยแต่งตั้งให้ บริษัท โทริ คอร์ปอเรชั่น บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุปูพื้นและตกแต่งภายในรายใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเป็นผู้แทนจำหน่ายพรมภายใต้แบรนด์ "รอยัลไทย" สำหรับติดตั้งในงานโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งปัจจุบันมียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง

ด้านกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ สัญชาติอังกฤษที่บริษัทถืออยู่ได้แก่ แบรนด์ Alstons , Ashley Manor , AMX Design , Alexander & James ซึ่งมียอดขายหลักอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้นำ แบรนด์ Alexander & James ขยายตลาดเพื่อการส่งออกไปทั่วโลก เช่น อเมริกา ดูไบ เนเธอร์แลนด์ ไทย จีน เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น ส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมในแถบประเทศสหรัฐ เอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง ในขณะเดียวกันจะเปิดแฟลกชิปสโตร์ Alexander and James ครั้งแรกในประเทศไทย บนถนนสุขุมวิท 39 ในเดือนก.พ.นี้ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าในประเทศ และให้เป็นโชว์รูมต้นแบบสำหรับลูกค้าต่างประเทศ

"บริษัทตั้งเป้าหมายใน 3-5 ปีจากนี้ กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จะเติบโตเพิ่มขึ้น 5-7% ต่อปี ตามการขยายตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและการเข้าซื้อธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ประเภทใหม่ๆ"นายพิมล กล่าว

ขณะที่กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์ บริษัทจะยังมุ่งเน้นในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และปีนี้จะรุกเข้าสู่เป้าหมายการขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกค่ายรถยนต์ที่ผลิตในไทย และยังมีโครงการพัฒนาพรมหลังคารถยนต์ (Headliner) ให้สามารถแข่งขันทั้งในด้านราคาและคุณภาพ รวมถึงรูปแบบดีไซน์ให้มีลวดลายเหมือนผ้าเพื่อสร้างความแตกต่าง ทั้งยังจะพัฒนาพรมปูพื้นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติดูดซับเสียงได้ดีและมีน้ำหนักเบากว่าพรมรุ่นเก่า สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทจะไม่หยุดพัฒนาในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ซึ่งแผนดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

"ภาพรวมรายได้หลักปีนี้ของบริษัทฯ จะมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 15% และกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ คิดเป็นสัดส่วน 50% โดยจากสัดส่วนรายได้ทั้งหมด คิดเป็นรายได้จากภายในประเทศ 25% รายได้จากต่างประเทศ 75% ซึ่งนับจากนี้ภายใต้กลยุทธ์การมุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าระดับสากล วางเป้าเติบโตท้าทาย 7-10% และพร้อมขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องในอนาคต" นายพิมล กล่าว

นายพิมล กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ประเภทอื่นๆ เพื่อต่อยอดในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ คาดว่าจะเริ่มศึกษาการเข้าซื้อกิจการได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 63

สำหรับเงินลงทุนเพื่อซื้อกิจการใหม่นั้น จะนำมาจากการนำบริษัทในประเทศอังกฤษเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ AIM ในประเทศอังกฤษ คือ บริษัท อัลสตันท์ เฟอร์นิเจอร์ กรุ๊ป ซึ่ง TCMC ถือหุ้นในสัดส่วน 76% ควบรวมกับบริษัท DM Midland Group ในประเทศอังกฤษ ซึ่ง TCMC ถือหุ้นในสัดส่วน 75% คาดว่าจะดำเนินขั้นตอนได้ในปี 63 ที่มีวัตถุประสงค์การระดมทุนมาใช้ชำระหนี้และรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

ส่วนงานด้านการผลิต ในปีนี้บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างระบบผลิต โดยโยกย้าย 3 โรงงานผลิตมารวมอยู่ในโรงงานเดียวกันทั้งหมดภายในครึ่งปีแรก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิตและการบริหารทรัพยากรในด้านต่างๆ มีการพัฒนาปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อลดต้นทุน และซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพและเพื่อรองรับการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 90 ล้านบาทในปีนี้ คาดว่าหลังการย้ายโรงงานที่วิภาวดี-รังสิตมาอยู่ที่จ.ปทุมธานี จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ 15% มาอยู่ที่สัดส่วน 60% จากเดิมอยู่ที่ 75% ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น

พร้อมกันนั้น บริษัมยังมีแผนขายที่ดินเดิมของโรงงานผลิตวิภาวดี-รังสิต จำนวน 29 ไร่ ปัจจุบันได้ว่าจ้างบริษัทเข้ามาประเมินที่ดิน เบื้องต้นประเมินที่ดินดังกล่าวมีมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท


แท็ก ศรีวิกรม์   (TCMC)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ