หุ้น SCB ราคาไหลลง 1.95% มาอยู่ที่ 126.00 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 432.33 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.07 น. โดยเปิดตลาดที่ 126.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 126.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 125.50 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์นแนะแค่"ถือ"หุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เนื่องจากจะบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานตามเกณฑ์เกษียณอายุใหม่ในไตรมาส 1/62 ในเบื้องต้นน่าจะเป็น one-time expense ราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งหากรวมในการคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 จะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท ลดลง -12% Y-Y (ค่าใช้จ่ายเกษียณพนักงานคาดว่า Cost to income ratio จะอยู่ที่ 46%) แต่ +41% Q-Q (ค่าใช้จ่ายสำรองฯลด Y-Y โดยคาดการณ์ credit cost ที่ 1.15% จากไตรมาส 4/61 ที่ 1.67 %) ขณะที่ผลประกอบการปี 62 อาจเห็นแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสำรองฯและค่าใช้จ่ายการลงทุน IT โดยคงราคาเป้าหมาย 137 บาท คาดการณ์การจ่ายเงินปันผลงวด H2/61 หุ้นละ 4 บาท Yield 3%
ด้าน บล.แอพเพิล เวลธ์ คาดว่า Cost to Income จะยังอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยราว 47% ในช่วงครึ่งแรกของปี 62 และจะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยธนาคารแจ้งว่าจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายสำรองตามพนักงานกรณีเกษียณและเลิกจ้างตามร่างแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานเป็น one-time ราว 1.5 พันล้านบาท ขณะที่ Non-interest income ยังถูกกดดันจากการยกเว้นค่าธรรมเนียม digital banking กับ net insurance premium ที่อ่อนตัว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดการเติบโตสินเชื่อ unsecured loan, personal loan ที่ให้ yield สูงขึ้นและ operating cost ที่ลดลงจะส่งผลให้ cost to income ทั้งปีปรับตัวลงสู่ระดับ 46%
พร้อมคาดกำไรปี 62 ของ SCB ที่ 4.08 หมื่นล้านบาท +2%YoY เริ่มกลับมาเติบโตได้หลังจากการลงทุนโครงการ SCB Transformation ได้ลงทุนไปส่วนใหญ่แล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 62 ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 5-7% และมุ่งเน้นที่การขยายสินเชื่อรายย่อยและ small SMEs ที่เป็น unsecured loan ผ่าน platform SCB Easy ซึ่ง ณ สิ้นปีมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9 ล้านราย