(เพิ่มเติม) LPN ปีนี้เปิด 8 โครงการใหม่ 1.2 หมื่นลบ.,วางเป้าโต 20% กำไรขั้นต้น 30%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 18, 2008 16:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ระบุว่า ในปี 51 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 8 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัว 7 โครงการ โดยในไตรมาส 1/51 บริษัทฯ เตรียมเปิดขาย 3 โครงการ ซึ่งมีโครงการ“ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26" มูลค่า 1,250 ล้านบาท เป็นโครงการแรกในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ 
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ LPN กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 20% เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) กว่า 6.5 พันล้านบาทแล้ว และในไตรมาสแรกมียอดเตรียมรับรู้รายได้ 8,000 ล้านบาทจาก 5 โครงการ และโครงการใหม่อีก 1.2 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 30% ในปีนี้ แม้จะมองว่าภาวะการแข่งขันจะยังคงสูงก็ตาม
"อัตราเติบโต 20% ถือว่าไม่สุดโต่ง และถือว่าเหมาะสมกับบริษัทแล้ว จากเดิมที่โต 30-40% ได้ในปีก่อนๆ ด้วยปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคชะลอากรใช้เงินซึ่งจะกระทบต่ออสังหาฯ ด้วย รวมทั้งการที่ฐานของ LPNที่ใหญ่ขึ้นมากในปีนี้" นายโอภาส กล่าว
5 โครงการดังกล่าว ได้แก่ ลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ, ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44, ลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา-รามคำแหง, ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่ และ ลุมพินี วิลล์ รามอินทรา-หลักสี่ รวมทั้งรายได้จากการเพิ่มบทบาทบริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเน้นการพัฒนาโครงการในลักษณะที่ไม่ใช่อาคารชุดพักอาศัยมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท และคงสัดส่วนการลงทุนในบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด อยู่ที่ 20%
นายโอภาส กล่าวว่า ในปีนี้ปัจจัยในประเทศที่จะมีผลถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ โครงการเมกะโปรเจ็คต์ที่ยังไม่ชัดเจน อัตราดอกเบี้ย และกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.อาคารชุดปรับปรุงใหม่ และร่างพ.ร.บ.จัดการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (แอสโครว์ แอคเคาต์) ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก แต่ไม่กระทบกับ LPN
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว และปัญหาซับไพร์ม โดยเฉพาะที่ล่าสุดซิตี้กรุ๊ป และเมอร์ริล ลินซ์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระดับโลกขาดทุนหนักจากปัญหาซับไพร์ม ซึ่งจะมีผลมากระทบต่อสถาบันการเงินไทยที่คาดว่าจะมีความเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะทรงตัวอยู่ได้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-3 ล้านบาท เพราะ 1-2 ปีที่ผ่านมามีการเปิดโครงการกันมาก ทำให้การแข่งขันสูง แต่ LPN ไม่กระทบเพราะส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมใกล้แนวรถไฟฟ้า
นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมรุกตลาดคอนโดมิเนียมต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น จ.ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่ แต่คงไม่ขยายไปต่างประเทศ เพราะไม่ตรงเป้าหมาย นอกจากนั้น บริษัทยังเน้นการควบคุมต้นทุน และเน้นชุมชนน่าอยู่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ