บลจ. แอสเซท พลัส ตั้งเป้า AUM ปีนี้ เติบโต 20% จาก 3 หมื่นลบ.ในปี 61 วางแผนออก 12 กองทุนใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 24, 2019 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรัชต์ โสดสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า แผนงานในปี 62 บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มขนาดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เติบโต 20% หรือเพิ่มขึ้นราว 6 พันล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่บริษัทมี AUM รวมทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์การขยายขนาด AUM ในปีนี้บริษัทจะมีการปรับผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่เน้นการกระจายสินทรัพย์การลงทุน (Asset Allocation) เพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆได้ และให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว ประกอบกับเพื่อมาทดแทนกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ที่บริษัทจะยกเลิก โดยการไม่ต่ออายุ (Rollover) กองทุนประเภท Term Fund ที่บริษัทได้ออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีมุลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท ที่บริษัทจะไม่ต่ออายุ

"ปีนี้กองทุนที่จะมาทดแทนกองทุนประเภท Term Fund คือ กองทุน ASP-AAA ที่จะเป็นการลงทุนที่กระจายการลงทุนไปใน Asset ต่างๆ ซึ่งเป็นกองทุนในรูปแบบที่ตลาดตามหาอยู่ เพราะการลงทุนแบบกระจายไปหลาย Asset ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีกว่ากองทุนแบบ Term Fund และเป้นการปรับตัวของเราหลังจากที่ Term Fund ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ที่ทำให้กงอทุน Term Fund นั้น Attractive ลดลง และสำหรับนักลงทุนที่อยากลงทุนระยะยาวมากขึ้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการ Rollover แบบ Term Fund ซึ่งการที่เราทยอยยกเลิกกองทุน Term Fund ออกไปนั้น ก็ส่งผลต่อ AUM เราที่ลดลง เพราะกองทุน Term Fund ที่เราออกมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ก็ตอนนี้ทยอยออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง และก็คงหมดในปีนี้"นายรัชต์ กล่าว

สำหรับแผนการออกผลิตภัณฑ์กองทุนรวมในปี 62 วางแผนออกกองทุนรวมใหม่ทั้งหมด 12 กองทุน โดยในไตรมาส 1/62 จะเป็นช่วงที่มีกองทุนรวมใหม่ของบริษัทออกมามากที่สุด โดยในเบื้องต้นจะมีกองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มเฮลธ์แคร์แนวใหม่ และกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ที่บริษัทจะเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทให้เช่าในต่างประเทศเองในหัวเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ค ลอสเองเจิลลิส ลอนดอน แฟรงค์เฟิส และปารีส เป็นต้น

สำหรับการลงทุนดังกล่าวกองทุนจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เอง ไม่ใช่การซื้อสิทธิในการเช่าแบบที่เคยทำมาก่อน และเป็นรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการซื้อสิทธิการเช่า แต่จะต้องแลกมากับสภาพคล่องที่ไม่มากนัก ซึ่งจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนรายใหญ่แบบ Ultra High Networth (UI)

นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กในตลาดหุ้นญี่ปุ่น กองทุนรวมที่ลงทุนสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Global Security กองทุนรวมที่ลงทุนในเทคโนโลยีและไอที พร้อมกับบังมีการออกกองทุนรวมในรูปแบบที่มีการบริหารกองทุนโดยใช้ A.I. ตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนผู้จัดการกองทุน (Quant Fund) ที่ไม่เคยมีประวัติการซื้อขายมาก่อน และกองทุนรวมที่มีการประกันความเสี่ยงสินทรัพย์ เป็นต้น

อีกทั้งบริษัทมีดีลการเจรจากับกองทุนต่างประเทศที่เป็น 1 ในกองทุนชั้นนำ Top 3 ของโลก ที่ปัจจุบันนักลงทุนไม่สามารถซื้อกองทุนรวมดังกล่าวได้แล้ว เพราะขนาดของกองทุนได้เต็มไปแล้ว แต่บริษัทกำลังจะหาแนวทางที่จะเพิ่มขนาดของกองทุนดังกล่าว เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าของบริษัทสามารถเข้าลงทุนได้ โดยจะเป็นการเสนอขายให้กับกลุ่มลูกค้า UI ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 2/62 หรือต้นไตรมาส 3/62 ซึ่งถือเป็นกองทุนที่จะเป็นการสร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการกองทุนรวมไทยในปีนี้

ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญของบริษัทที่สุด คือ การเน้นไปที่การสร้างความมั่งคั่งของลูกค้า (Wealth creation) ที่บริษัทจะต้องคิดเสมอว่าเมื่อออกกองทุนมาลูกค้าจะต้องมีกำไร พร้อมกับการสื่อสารข้อมูลต่างๆให้กับลูกค้าให้ได้ทราบตลอดเวลา โดยผ่านแอพพลิเคชั่นที่จะมีการไลฟ์การวิเคราะห์ต่างๆและมีผู้จัดการกองทุนมาให้คำแนะนำในการซื้อขาย เพื่อให้ลูกค้าพิจารณาและทำตามได้ทันทีหรือสามารถรับชมย้อนหลังได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อมีการสื่อสารต่างๆออกมาจากทางบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากในตอนนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ