"อีสเทิร์น เอนเนอร์จี้ พลัส"เล็งแผนเข้าตลาดหุ้น ระดมทุนสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ลุ้น PPA ก่อนขึ้น 3 แห่งในสมุทรปราการปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 28, 2019 08:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณพศ นิจสิริภัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์น เอนเนอร์จี้ พลัส จำกัด หรือ EEP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อระดมทุนรองรับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่มีเป้าหมายทั้งหมด 130 เมกะวัตต์ (MW) ที่จะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียง 1 แห่ง ที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ในพื้นที่แพรกษา จ.สมุทรปราการ

ขณะที่วางแผนจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีนี้อีก 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขนาดแห่งละ 9.9 เมกะวัตต์จำนวน 2 แห่ง และขนาด 5 เมกะวัตต์อีก 1 แห่ง ซึ่งจะตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโรงไฟฟ้าแห่งแรก ซึ่งเบื้องต้นได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว และอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนรอบใหม่ จากปัจจุบันที่กกพ.อยู่ระหว่างรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนตามโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการในระยะแรก (Quick win Projects) จำนวน 78 เมกะวัตต์

โดยหากได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สำหรับโรงไฟฟ้าอีก 3 แห่งดังกล่าวก็จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันที คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนราว 1.2 พันล้านบาทต่อกำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนในขั้นต้นจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินราว 70% และส่วนทุนอีก 30% โดยในส่วนทุนอาจจะจัดหาจากการออกตราสารหนี้ หรือหาพันธมิตรใหม่เข้ามาเสริม ส่วนการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนำมาชำระคืนหนี้และลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต

"เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เรามีที่ปรึกษาเคยตั้งหลายปีแล้ว คือเอเชียพลัส เราต้องระดมทุนเพื่อนำมาใช้ทำโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งตามแผนทั้งหมดต้องได้ประมาณ 130 เมกะวัตต์ ตอนนี้มี 1 โรงที่ COD แล้วอยู่ที่แพรกษา เรามีพื้นที่รองรับไว้ครบหมดแล้ว"นายคณพศ กล่าว

นายคณพศ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแห่งใหม่เบื้องต้น 8 แห่ง กำลังการผลิตแห่งละประมาณ 9.9 เมกะวัตต์ โดย 3 แห่งแรกได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ส่วนอีก 5 แห่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกระทรวงมหาดไทยต่อไป หลังจากนั้นจะยื่นเรื่องต่อไปยังกกพ. ที่จะออกประกาศรับซื้อ และทำสัญญา PPA กับผู้รับซื้อไฟฟ้าซึ่งคือการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ทั้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งในส่วน 3 แห่งแรกคาดว่าจะได้สัญญา PPA ในช่วงต้นไตรมาส 2/62 ส่วนอีก 5 แห่งคาดว่าจะได้สัญญา PPA ในช่วงปลายไตรมาส 2/62 โดยโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 1.6-2 ปี นอกจากนี้ยังมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าอีก 1 แห่งในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยาด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินการเพื่อให้ PPA หลังจากนี้น่าจะมีความรวดเร็ว หลังล่าสุดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ ปี 2561-2580 ออกมาแล้ว โดยจะมีโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่มขึ้นอีก 400 เมกะวัตต์จากเดิม 500 เมกะวัตต์ รวมเป็น 900 เมกะวัตต์

สำหรับปริมาณเชื้อเพลิงขยะที่จะใช้รองรับการผลิตไฟฟ้าจำนวน 130 เมะวัตต์นั้น บริษัทมีความมั่นใจว่าจะมีปริมาณเพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณขยะฝังกลบในสต็อกราว 10 ล้านตัน และมีขยะใหม่อีกวันละ 4 พันตัน ซึ่งการดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ทำให้จำเป็นต้องสร้างโรงคัดแยกขยะและผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) เพิ่มเติมด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ