BT เผยแจงปี 50 ต้องตั้งสำรอง 9,249 ลบ. เป็นเหตุให้ขาดทุนเพิ่มขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 22, 2008 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายประเสริฐ หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านการเงินและควบคุม ธนาคาร ไทยธนาคาร (BT) ชี้แจงผลประกอบการสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ผลประกอบการตามงบการเงินรวม (Consolidated) มีขาดทุนสุทธิรวม 5,935 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนจำนวน 4,423 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,512 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 34
สำหรับงบการเงินเฉพาะธนาคาร มีกำไรก่อนรายการพิเศษ จำนวน 2,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 146 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรก่อนรายการพิเศษจำนวน 1,150 ล้านบาท เนื่องจากมีดอกเบี้ย และเงินปันผล เพิ่มขึ้น473 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 431 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5 มีผลทำให้รายได้ดอกเบี้ย และเงินปันผลสุทธิ (Net Interest Income) เพิ่มสูงขึ้น 904 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (ไม่รวมรายการพิเศษเรื่องการขาดทุนจากการตีราคาเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) เพิ่มขึ้น 672 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 40 นอกจากนี้รายจ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 283 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5
จากผลประกอบการกำไรก่อนรายการพิเศษของธนาคารเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีก่อน ตามที่กล่าวข้างต้น แต่ถูกผลกระทบจากรายการพิเศษ ทำให้ต้องตั้งสำรองจำนวน 9,249 ล้านบาท มีผลทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปีเป็นจำนวน 6,422 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนจำนวน 4,479 ล้านบาท
สำหรับรายการพิเศษที่มีผลกระทบต่องบการเงินของธนาคารในปี 2550 ประกอบด้วย สำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยในไตรมาส ที่ 3 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) ได้แจ้งให้ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มจำนวน 826 ล้านบาท ตามเกณฑ์คุณภาพ เช่น ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้แต่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนและยังผ่อนชำระได้ตามปกติได้ถูกนับเป็นหนี้ NPL หรือ ลูกหนี้ที่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติแต่งบการเงินของลูกหนี้มีผลขาดทุนติดต่อ 3 ปี ได้ถูกนับเป็นหนี้ NPL เป็นต้น
จากรายชื่อลูกหนี้ และจำนวนเงินที่ ธ.ป.ท. ได้แจ้งมาให้ตั้งสำรองนั้น เพื่อความรอบคอบ ธนาคารได้พิจารณาจัดชั้นและสำรองเพิ่มเติมอีก 280 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนสำรองเผื่อหนี้สูญทั้งสิ้น1,106 ล้านบาท
สำรองลูกหนี้กลุ่มเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำนวน 1,419 ล้านบาท
เงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท Collateralized Debt Obligation (CDO) โดยผลขาดทุนจากเงินลงทุน CDO จำนวน 6,724 ล้านบาท ในงบกำไรขาดทุนประกอบด้วย ผลขาดทุนจากการตีราคาเงินลงทุน CDO ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 5,215 ล้านบาทและผลขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้วจำนวน 1,509 ล้านบาท
มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value per Share) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 สำหรับงบการเงินเฉพาะธนาคารอยู่ที่ 1.08 บาทต่อหุ้น และสำหรับงบการเงินรวม 0.78 บาทต่อหุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ