GBS มอง SET สัปดาห์นี้ลุ้นปรับเพิ่มแกว่งในกรอบ 1,630-1,690 จุด รับปัจจัยบวกการเมืองในปท.-เจรจาการค้าฯสัญญาณดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 5, 2019 11:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,690 จุด จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้าเรื่องการเลือกตั้งมากขึ้นหลังเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีสัญญาณเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ตอบรับปัจจัยบวกทั้งในประเทศ และและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นด้านการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยในสัปดาหนี้ (4-8 ก.พ.) มีการเปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และความคืบหน้าของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในการพัฒนาดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์ (อีอีซีดี) โดยเปิดขายซอง 25 ม.ค.-15 ก.พ. 2562 ให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดระยะเวลา 50 ปี เพื่อเป็นศูนย์กลางการลงทุนและพัฒนาด้านนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการในปี 2564

รวมทั้งปัจจัยต่างประเทศการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กำลังพิจารณาการประชุมร่วมกันในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ขณะที่จีนให้คำมั่นซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น

ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนในระยะสั้น มาจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าอาจเกิดภาวะชัตดาวน์ หรือปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้ง หากไม่มีการบรรจุงบประมาณสร้างกำแพงในร่างกฏหมายงบประมาณสหรัฐ และการแข็งค่าของค่าเงินบาทต่อเนื่องจากต้นปีสูงสุดในรอบ 9 เดือนโดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 31.20-31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นการแข็งค่ามากที่สุดในเอเชียจากที่แข็งค่ากว่า 4.02% กดดันการส่งออกของไทย

นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยเพิ่มเติมโดยเฉพาะการรับสมัครส.ส .แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมบัญชีผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีตลอดทั้งสัปดาห์นี้ และในวันที่ 5 ก.พ. นายโดนัล์ ทรัมป์ เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสตามเวลาในท้องถิ่น และสหภาพยุโรป (อียู) จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.

ส่วนวันที่ 6 ก.พ. มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ส่วนสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/61 (ประมาณการเบื้องต้น) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 7 ก.พ. จีนจะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนม.ค. ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐฯเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น คาดจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630-1,690 จุด แนะลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ได้แก่ VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJC, TKS ส่วนหุ้น mai ได้แก่ TACC, LIT, CRD รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์มาตรการคืน VAT 5% กระตุ้นช็อปช่วงตรุษจีน แนะนำ CPALL, MAKRO และหุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคึกคักในช่วงวันหยุดตรุษจีน ได้แก่ AOT, CENTEL, ERW

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำนั้น เห็นว่าผลจากการที่สหรัฐฯหารือประเด็นสงครามการค้ากับจีนเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเจรจาเบื้องต้นที่ปูทางไปสู่การพบกันของประธานาธิบดีทั้ง 2 ฝ่ายในช่วงปลายเดือนนี้ ทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลดลงในลักษณะปรับฐานระยะสั้นสู่แนวรับ 1,305–1,310 ดอลลาร์/ออนซ์

อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐฯฉีกสนธิสัญญาห้ามขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางก่อน ทำให้รัสเซียตัดสินใจขอถอนตัวตามนั้น สร้างความวิตกต่อตลาดในแง่ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเย็นและการสะสมอาวุธร้ายแรง จึงเป็นปัจจัยบวกที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับราคาทองคำภายในประเทศยังคงถูกกดดันด้วยการแข็งค่าของเงินบาทต่อไป จึงค่อนข้างยากที่จะผ่านระดับ 19,700 บาทขึ้นไป แม้ว่าราคาทองคำตลาดโลกสามารถยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อย่างมั่นคงแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ มองกรอบการลงทุนในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1,305–1,340 ดอลลาร์/ออนซ์ คงคำแนะนำให้เล่นเก็งกำไรโดยอิงราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์เป็นหลักสำหรับพอร์ตระยะสั้น โดยปรับมาซื้อเมื่ออ่อนตัว แต่ยังเน้นปิดทำกำไรและตัดขาดทุนเร็ว ส่วนพอร์ตระยะกลางยังคงเน้นตั้งรับเมื่อราคาอ่อนตัว และอาจพิจารณาเข้าซื้อมากขึ้นเมื่อเงินบาทส่งสัญญาณอ่อนตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ