(เพิ่มเติม) บลจ.ทาลิส ตั้งเป้า AUM ปี 62 แตะ 1 หมื่นลบ. จากปีก่อนอยู่ที่ 5,664 ลบ. เตรียมออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 5, 2019 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2562 ว่า มีเป้าหมายที่จะมีลูกค้าใหม่ เข้ามาใช้บริการกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมมากขึ้น หรือมี AUM รวม ณ สิ้นปี 2562 แตะระดับ 10,000 ล้านบาท จาก AUM รวม ณ สิ้นปี 2561 ที่ 5,664 ล้านบาท โดยมีแผนการออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยช่องทางการขายผ่าน Selling agent นักวางแผนการลงทุนอิสระ (Independent Investment Planner : IIP) รวมถึงช่องทางการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ Internet Trading: TalisAM Online Channel และ Mobile Application: Streaming For Fund

"ในช่วงที่ตลาดเผชิญความผันผวนสูง ทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ.ทาลิส ได้พัฒนาและปรับกระบวนการทำงาน เพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดล่วงหน้าให้ดีขึ้น รวมถึงวางกลยุทธ์การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในสภาวะตลาดที่ความผันผวนสูง รวมถึงได้ศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ที่คาดว่าน่าจะตอบโจทย์ของลูกค้าได้ดีขึ้น ทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนด้วย"นายฉัตรพี กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นคิดเป็น 80% และตราสารหนี้ในสัดส่วน 20%

นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจเป็น "Boutique Asset Management" ที่เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะมีลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวมมากขึ้น

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส เชื่อว่า ภาพระยะยาวของตลาดหุ้นไทย จะยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยมองว่าจากนี้ไปอีก 10 ปี บริษัทจดทะเบียนของไทยจะสามารถทำกำไรเป็นสถิติใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่เชื่อว่าเริ่มเข้าสู่โหมดของการฟื้นตัวต่อเนื่อง

สำหรับมุมมองระยะสั้น บลจ.ทาลิส คาดว่า SET Index ในปี 2562 ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีไว้ที่ระดับ 1,742 จุด ภายใต้คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 112.4 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น EPS Growth ที่ระดับ 6% และคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่ 3.9% ปัจจัยบวกสำคัญ ยังให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งในประเทศ ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งต้องได้รัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจึงจะเป็นบวกต่อตลาดทุน และส่งผลต่อเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น หลังจากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หากมีข้อสรุปว่าไม่มีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมก็ถือว่าเป็นบวกต่อตลาด และค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะเห็นการแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก จะส่งผลให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ในขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นปัจจุบันยังไม่แพง

นายประภาส ยังมองว่า SET Index ในปี 2562 มีโอกาสเผชิญความผันผวนสูงโดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีระหว่าง 1,551-1,861 จุด ซึ่งความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนจะต้องติดตาม คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนขยายตัวรุนแรงขึ้น, การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน, อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในระดับต่ำ, ราคาน้ำมันหากอยู่ในระดับต่ำจะส่งผลลบต่อกลุ่มพลังงานแม้จะดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม, การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทย, ผลการเลือกตั้งหากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ได้รัฐบาลเสียงข้างมาก, การไม่ต่ออายุการลดหย่อนภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในปี 62

ขณะที่มองผลตอบแทนระยะยาวของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 8-10% ต่อปี จากการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยมองว่าจากนี้ไปอีก 10 ปีบริษัทจดทะเบียนของไทยจะสามารถทำกำไรเป็นสถิติใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เชื่อว่าเริ่มเข้าสู่โหมดของการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่า GDP จากนี้ไปในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 4%

"เราเชื่อว่าในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกยังเป็นบวกต่อการลงทุน ขณะที่การเมืองในประเทศคงจะไม่เลวร้าย แต่คงไม่ใช่ปัจจัยบวกมาก ๆ ต่อตลาดหุ้นมากนัก"

นายประภาส กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในหุ้น แนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีช้า เช่น กลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ที่คาดจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 10% เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ควรเลี่ยงการลงทุน คือ กลุ่มโรงพยาบาล

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.62) คาดว่า กนง.จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ดีอยู่และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับต่ำ โดยคาดการณ์ว่ากนง.น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ