บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) มั่นใจในช่วง 3 ปีนี้(ปี 62-64) เติบโตอย่างมั่นคงหลังได้งานก้อนใหญ่หนุนงานในมือ (Backlog) สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทราว 6.06 พันล้านบาททยอยรับรู้รายได้ยาว 3 ปี โดยคาดว่าจะผลักดันให้รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30-40% ปีนี้คาดทำนิวไฮที่ 2 พันล้านบาท พร้อมมองหาพันธมิตรสหรัฐร่วมมือธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์คาดสรุปไตรมาส 1/62 และเจาะตลาดกลางและเล็กในธุรกิจเชื่อมต่อข้อมูลช่วยดันยอดรายได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ ขยายฐานลูกค้าต่อยอดด้วยธุรกิจใหม่รับยุคเทคโนโลยี เตรียมประกาศทิศทางธุรกิจปูทางสู่เป้าหมายรายได้โตแตะ 5 พันล้านบาทภายในปี 68
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ITEL เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่ารายได้ในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 62-64) จะเติบโตปีละ 30-40% หลังจากบริษัทมีงานในมือ (Backlog) สูงถึง 6.06 พันล้านบาทถือว่าสูงสุดแล้ว จากที่ได้งานโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 2 สัญญา รวมมูลค่ากว่า 3.5 พันล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี
"2 ปีที่ผ่านมานี้ มี Backlog เข้ามาประมาณกว่า 1 พันล้านบาทในปี 60 และ 5.8 พันล้านบาทในปี 61 วันนี้ เราจะรักษา Backlog ไว้ที่ 5-6 พันล้านบาทได้ ก็คาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาประมาณ 1.8 พันล้านบาท ก็จะรักษาโมเมมตัมนี้ไว้ได้ ผมคิดว่า ปี 62 ไม่เหนื่อย ที่ผมเห็นชัดเห็นภาพชัด แต่ปีนี้และปีหน้าเราเห็นแนวโน้มการเติบโตเราทำเผื่อไปถึงปีต่อไป"นายณัฐนัย ให้สัมภาษณ์กับ "อินโฟเควสท์"
ในปี 62 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้แตะ 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 6 ปี โดยเติบโตเท่าตัวจากปี 60 ที่มีรายได้ 1 พันล้านบาท มาจากการรับรู้งานโครงการ หรืองานติดตั้ง 800 ล้านบาท งานการให้บริการเชื่อมต่อข้อมูล 1 พันล้านบาท โดยเป็นงาน USO 300 ล้านบาท ที่เหลือมาจากงานของภาคเอกชน เป็นลูกค้ากลุ่มองค์กรทั่วไป กลุ่มร้านอาหาร โรงแรม ซึ่งปีนี้ 3 กลุ่มนี้เติบโตขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้เพิ่มมาเป็น 20% จากเดิม 12% ส่วนผู้ให้บริการมือถือและอินเตอร์เน็ตเป็นกลุ่มหลัก มีสัดส่วน 40-45% กลุ่มแบงก์ 15% กลุ่มภาครัฐ 10% และกลุ่มทีวี 10% ส่วนอีก 200 ล้านบาทมาจากงานติดตั้งโครงข่าย ไฟเบอร์ออพติคให้กลุ่ม Operator
สำหรับกำไรสุทธิ คาดเติบโตตามรายได้ โดยรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 8-9% และตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปีหน้า แต่ปีหน้ายังมีงานของ กสทช.ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) อยู่ประมาณ 15-17% ขณะที่ธุรกิจปกติมีมาร์จิ้น 25-28%
นายณัฐนัย กล่าวว่า การเติบโตของ ITEL ในช่วง 3 ปีนี้ (ปี 62-64) จะเป็นไปอย่างมั่นคง แต่ในอีก 5 ปี คาดว่าจะเติบโต หรือในปี 68 ตั้งเป้ารายได้จะโตก้าวกระโดดแตะ 5 พันล้านบาทที่จะมีธุรกิจใหม่ที่รองรับการปรัรบเปลี่ยนเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มร้านอาหารและกลุ่มโรงแรมในธุรกิจการให้บริการเชื่อมต่อข้อมูล ซึ่งล่าสุดได้ลูกค้า บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) และร้านอาหารในเครือ 5 แบรนด์ได้มีการปรับปรุงระบบไอที พร้อมมีการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสาขา ก่อนที่ ZEN จะยื่นไฟลิ่งเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเห็นว่าแนวโน้มธุรกิจเหล่านี้มีการควบรวมกิจการ และมีสาขาร้านอาหารมากขึ้น ก็จะมีการปรับปรุงระบบไอที เช่นเดียวกับกลุ่มโรงแรม ผู้ประกอบการายเล็กมีการรวมตัวกันเพื่อสู่กับรายใหญ่ การเชื่อมต่อข้อมูลด้วยกันเป็นเหมือนเครื่องมือในการทำธุรกิจ
"ปีนี้จะเป็นปีที่เราจะสนับสนุนลูกค้ารายกลางและรายย่อยให้มีระบบไอทีทัดเทียมกับบริษัทชั้นนำตรงนี้จะเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่โดยเห็นว่าตลาดนี้เป็นตลาดใหญ่ แต่ละรายแม้ว่าจะทำสัญญาโดยเฉลี่ยหนึ่งปีแต่ลูกค้าของบริษัทโดยรวมจะมีสัญญาเฉลี่ยกับบริษัท 18 เดือน ลูกค้าวันนี้เรามีอยู่ 550 ราย ณ สิ้นปี 61 ถือว่าก็ไม่เยอะไม่น้อยโดยในลูกค้าเหล่านี้ 1 ใน 4 เป็นบริษัทจดทะเบียน เรายังเหลือช่องว่างตลาด 60 ถึง 70%"นายณัฐนัย กล่าว
ขณะที่ Backlog ที่ได้มาสูงถึง 6.06 พันล้านบาท จะช่วยผลักดันให้รายได้ปีนี้ทำนิวไฮ งานส่วนใหญ่มาจากการงานของสำนักงาน กสทช.ที่จะมีการทยอยรับรู้รายได้ประมาณปีละ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทคาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามาประมาณ 1.8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการปีแรก คือ ปี 56 มีรายได้ 100 ล้านบาท ขาดทุน 16 ล้านบาท จากนั้นปี 57 มีรายได้ 200 ล้านบาท ผลประกอบการเท่าทุน ปี 58 รายได้ 400 ล้านบาท กำไร 16 ล้านบาท ปี 59 มีรายได้ 800 ล้านบาท มีกำไร 67 ล้านบาท ปี 60 มีรายได้ 1 พันล้านบาท กำไร 102 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกของปี 61 รายได้ 1,200 ล้านบาท กำไร 99 ล้านบาท
"วันนี้เป็นจุดที่ทำอย่างไรเราจะทำรายได้และเติม Backlog ให้ทันกัน ผมก็บอกว่าจะรักษาให้ได้ในระดับนี้ ประมาณ 5-6 พันล้านบาท ...ผมคิดว่าปีนี้. ปีหน้าไม่เหนื่อยเพราะมี Backlog"นายณัฐนัย กล่าว
นายณัฐนัย ยังกล่าวว่า บริษัทยังมีโอกาสเพิ่มรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกลที่บริษัทได้งานติดตั้ง โดยภาครัฐจะเป็นผู้ให้บริการฟรี เดือนละ 200 บาท/เดืน บริษัทคาดว่าจะให้บริการอย่างน้อย 1 แสนครัวเรือนจากทั้งหมดที่มี 6 แสนครัวเรือน ก็จะเพิ่มรายได้เข้ามาปีละ 240 ล้านบาท หรือ 720 ล้านบาทตลอดสัญญา 3 ปี ยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย.62
นอกจากนี้ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ นายณัฐนัย กล่าวว่า บริษัทได้เจรจาความร่วมมือกับบริษัทต่างชาติสัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 20% ของโลก และเป็นบริษัทที่ปรึกาษาใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 1/62 โดยจะช่วยให้มีลูกค้าต่างประเทศเช้ามาใช้บริการจะช่วยให้ธุรกิจนี้เติบโตได้เร็วขึ้น
กรรมการผู้จัดการ ITEL ได้เล่าถึงธุรกิจใหม่ที่จะสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คือ ธุรกิจ Transaction Base โดยปีนี้ได้เริ่มขายไอเดียให้กลุ่มลูกค้าแล้ว คาดว่าจะเริ่มเห็นดอกผลในปี 64 ซึ่ง ณ วันนี้องค์กรขนาดใหญ่มีนโยบายเรื่องการงดใช้กระดาษ (Paper Less) เปลี่ยนวิธีเก็บข้อมูลในระบบดิจิทัล เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เร็วกว่า ถูกต้อง รวมทั้ง ความร่วมมือระหว่างธุรกิจหรือองค์กรมีมากขึ้นจะทำให้การทำงานในระบบใหม่นี้ช่วยการทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ธุรกิจนี้จะเติบโตจากการมีปริมาณการใช้งานจำนวนมาก
รวมทั้งการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้เชื่อมต่อข้อมูลมากขึ้นก็เป็นโอกาสของบริษัท โดยต้องรอให้มีการลงทุนระบบเซ็นเซอร์ในอุปกรณ์ต่างๆ แม้มองว่าเบื้องต้นปริมาณข้อมูลยังไม่เพิ่มขึ้นมากจนเป็นสาระสำคัญ แต่จะมีความถี่มากขึ้น เชื่อว่าช่วงต้นประชาชนเริ่มปรับตัวกับการใช้กับแอพพลิเคชั่น 5G รองรับโดยคาดว่าปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี เราก็จะได้ประโยชน์ถ้ามีการใช้ข้อมูลมากขึ้นก็จะมีการเชื่อมต่อข้อมูลมากขึ้นด้วย