XO คาดปี 62 ทำนิวไฮต่อเนื่อง เป้ารายได้โตกว่า 10-15% หลังลูกค้ายอมให้ปรับขึ้นราคาขาย ,ลงทุน 130 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 26, 2019 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง เครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินงานในปี 62 บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากลูกค้ายินยอมให้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 61

รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่คาดว่าจะดีต่อเนื่องในปีนี้ไปจนถึงปี 63 หลังจากได้ล็อกราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักทั้งน้ำตาลและกระเทียม ควบคู่กับกลยุทธ์การขยายตลาด การเพิ่มสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สอดรับกับภาพรวมอาหารไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก ล่าสุด บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังออสเตรเลีย และอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าในอเมริกาเหนือ แคนนาดา และอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก

ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 130 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ทำโรงงานพริกดองซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต เนื่องจากปัจจุบัน สายการผลิตพริกดองมีขนาดเล็ก และไม่สามารถรับพริกได้อย่างเพียงพอ โดยบริษัทได้เตรียมที่ดินไว้เรียบร้อยแล้วที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ (ไม่รวมในงบลงทุน) สำหรับใช้สร้างโรงงาน เตรียมพร้อมรับฤดูกาลพริกที่จะออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ XO ได้พริกที่มีคุณภาพในต้นทุนที่ดี คาดจะแล้วเสร็จในปี 63 สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือ ใช้ลงทุนไลน์เครื่องแกง และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอื่นๆ เพิ่มเติม

ส่วนผลการดำเนินงานปี 61 นับว่าสร้างสถิติใหม่ตั้งแต่ก่อตั้ง โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 221.90 ล้านบาท พุ่งขึ้น 275.91% จากระดับ 59.03 ล้านบาทในปี 60 จากรายได้จากการขายสินค้าอยู่ที่ 1,144.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.16% โดยสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเป็นสินค้าหลัก มีสัดส่วน 84.35% ของรายได้จากการขายทั้งหมด ขณะที่ต้นทุนขายอยู่ที่ 710.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้ายู่ในระดับสูงที่ 37.91% เพิ่มขึ้นจากระดับ 29.45% ในปีก่อน เนื่องจากการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่าง ๆ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ต้นทุนวัตถุดิบลดลงรวมทั้งการปรับขึ้นราคาสินค้า

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 75.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.99% โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้จากการขายและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 125.35 ล้านบาท ลดลง 13.34% จากการลดลงของการรับคืนสินค้าที่มีปัญหาจากลูกค้า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน และการจัดประเภทค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ของโรงงานแห่งใหม่

นายจิตติพร กล่าวอีกว่า ในปี 61 นับเป็นปีทองของบริษัท ผลประกอบการดีที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัท รายได้สร้างสถิติใหม่ เช่นเดียวกับกำไรสุทธิ มีสัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่จากการส่งออกกว่า 99% ไปยัง 60 ประเทศทั่วโลก โดยปริมาณการขายกว่าครึ่งหนึ่งมาจากยุโรป หรือมีสัดส่วนลูกค้าในยุโรป 84% อเมริกา 2% เอเชีย 6% และอื่น ๆ 8% โดยส่วนใหญ่ยอดขายสินค้าเป็นสกุลเงินบาท 56% ยูโร 9% ดอลลาร์สหรัฐ 35% จึงไม่มีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทจะส่งผลต่อผลประกอบการบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ