AKP เดินหน้ารุกขยายฐานลูกค้าใหม่-ลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะหนุนผลงานปี 62 โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 27, 2019 13:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อัคคีปราการ (AKP) คาดว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 62 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจาก AKP ดำเนินกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่ รวมทั้งการลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญยังเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค.62 ที่ผ่านมา AKP ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เอิร์ธเท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (ETC) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ ETC จำนวน 799,676 หุ้น หรือ 9.75%ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วของ ETC คิดเป็นมูลค่ารวม 193,713,514.24 บาท

โดย ETC เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ ในรูปแบบของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หรือมีขนาดต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งสูงสุดที่ขนาด 9.4 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาซื้อขายแบบ Non-Firm ในปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุด 8 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.60 ซึ่งเป็นวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)

"ปีนี้เราจะขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเก่า และพยายามลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญเราจะขยายการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยง ล่าสุดต้นปีก็ได้เข้าซื้อหุ้น ETC ซึ่งมีธุรกิจโรงไฟฟ้าต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทย ที่ใช้ขยะอุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียน และโครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์มาระยะหนึ่งแล้ว จึงสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากระยะเวลาการก่อสร้างและการดำเนินงานได้ในระดับหนึ่ง ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายขอบเขตการดำเนินงานไปสู่ฐานธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้และฐานกำไรเพิ่มขึ้นได้ และได้รับผลตอบแทนค่อนข้างสูงอีกด้วย และนั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปีนี้ AKP มีสัญญาณการเติบโตที่ดีกว่าปีก่อน" นายวันชัย กล่าว

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดปี 61 (สิ้นสุด 31 มี.ค.61) มีกำไรสุทธิ 60.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59% จากปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 54.15 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.15 บาท จากปีก่อนมีกำไรต่อหุ้น 0.13 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ