"แอพเพิล เวลธ์" คาด SET มี.ค.แกว่งตัวในกรอบ 1,630-1,680 จุด รอผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ,ผลเลือกตั้งไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 4, 2019 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม 2562 ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET) น่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,630 – 1,680 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนในเชิงบวกทั้งในและต่างประเทศ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ได้ส่งสัญญาณการชะลอขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ ซึ่งจาก Fed Fund Rate Futures มีโอกาสปรับขึ้นเพียง 1.7% พร้อมทั้งเตรียมประกาศยุติการปรับลดงบดุลของเฟดปัจจุบันอยู่ที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพคล่องในระบบและลดแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ย

ขณะที่การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนนั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเลื่อนเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนออกไปจากกำหนดวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา น่าจะสะท้อนสัญญาณบวกของการยุติสงครามการค้า โดยคาดจะมีการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐฯ-จีน ในเดือน มี.ค. นี้ เพื่อสรุปข้อตกลงสุดท้าย หากสงครามการค้ายุติลงก็ส่งผลบวกต่อการค้าโลกรวมถึงภาคการผลิตที่ปัจจุบันเริ่มส่งสัญญาณถดถอย สำหรับประเด็นการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมโหวตข้อตกลง Brexit ในวันที่ 12 มี.ค. หากสภาฯไม่เห็นชอบข้อตกลงนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องเลือกระหว่างการออกแบบไม่มีข้อตกลง หรือ ขอเลื่อนเส้นตายออกไปจากวันที่ 29 มี.ค. นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์น่าจะออกเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีก 3 เดือน

สำหรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย งวดไตรมาส 4/61 มีกำไรสุทธิรวม 1.62 แสนล้านบาท ลดลง 38% จากไตรมาสก่อน และลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรบริษัทในกลุ่มพลังงาน , ปิโตรเคมี , สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่ภาพรวมตลาดคาดการณ์การจ่ายเงินปันผล 534 บริษัท ในงวดปี 61 มีมูลค่ารวม 5.19 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.70% จากงวดปีก่อน และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยที่ 3.30% ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ดัชนี SET ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 2.45% และ 1.10% ซึ่งคาดเป็นผลบวกฤดูกาลจ่ายเงินปันผล

"กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อลงทุน BBL , KBANK , AMATA , WHA , CK , STEC ที่ได้ผลบวกการลงทุนภาครัฐและเอกชน ขณะที่กลุ่มค้าปลีก CPALL , ROBINS คาดการณ์บริโภคจะฟื้นตัวในช่วงหลังเลือกตั้ง ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว AOT , AAV , ERW จากมาตรการฟรีค่าธรรมเนียม VOA จนถึง เม.ย. และกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูง เช่น TISCO , KKP , PSH , QH , PTTGC , ASEFA , WHAUP" นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า ในส่วน Fund Flow จากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดแถบอาเซียน (TIP) ในช่วง 2 เดือนแรก มียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 543 ล้านดอลลาร์ , ซื้อหุ้นอินโดนีเซีย 726 ล้านดอลลาร์ และซื้อหุ้นไทย 108 ล้านดอลลาร์ จะเห็นได้ชัดว่าน้ำหนักการลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยช่วง 2 เดือนแรกยังต่ำกว่า เมื่อเทียบตลาดหุ้นอื่นในกลุ่ม TIP สาเหตุน่าจะมาจากประเด็นการเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติอาจจะยังรอดูผลการเลือกตั้งและเสถียรภาพ รัฐบาลใหม่ ซึ่งจากสถิติผลตอบแทนดัชนี SET หลังจากมีรัฐบาลใหม่บริหารประเทศในช่วง 1 ปี แรก ( Honey Moon eriod ) จะให้ผลตอบแทนราว 4-6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ