GBS มอง SET สัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,625-1,665 จุด จับตาเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนหลัง MSCI เพิ่มนน.การลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 5, 2019 10:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,625 -1,665 จุด ขานรับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ หลังการเจรจาการค้าสหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันได้ และแนวโน้มการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ แต่ตลาดก็ยังมีปัจจัยกดดันจาก MSCI ที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีน 4 เท่า ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีน รวมถึงตลาดยังจับตาการพิจารณาคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 มี.ค.นี้

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ของ GBS กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ได้รับปัจจยบวกจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. แลกกับจีนปรับลดภาษีนำเข้าและผ่อนคลายกฏระเบียบในการนำเข้าสินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์ รถยนต์ และสินค้าอื่น ๆ จากสหรัฐ โดยผู้นำของทั้งสองประเทศอาจจะบรรลุข้อตกลงการค้าในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้ และแบบจำลอง GDP Now ของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.3%ในไตรมาส 1/62 ซึ่งเป็นตัวยืนยันสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อย่างชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้ภาครัฐในประเทศเอง ยังมีการทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเน้นการลงทุนจากภายในประเทศ และต่างประเทศสอดคล้องกับการสนับสนุนการลงทุนโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ซึ่งเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว

ส่วนปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นภายในสัปดาห์นี้ อาทิ การประกาศของ MSCI ที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีน 4 เท่าจากปัจจุบัน 5% เป็น 20% โดยจะปรับเพิ่ม 2 ครั้งในเดือนพ.ค.และส.ค.62 ทำให้น้ำหนักของหุ้นจีนในดัชนีตลาดเกิดใหม่ของ MSCI เพิ่มขึ้นสู่ 3.3% จากราว 0.7% ในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเข้าสู่จีน เนื่องจากตลาดหุ้นจีนมีขนาดใหญ่ ขณะที่จีนเองก็มีการปรับตัวและเปิดตลาดการเงินในประเทศมากขึ้นนำไปสู่แนวโน้มที่ตลาดจะยอมรับสกุลเงินหยวนในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกมากขึ้น และปัจจัยในประเทศจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดส่งออกในช่วงไตรมาส 1/62 มีแนวโน้มหดตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการขยายตัวของการส่งออกทั้งปีนี้ที่ 3.8%

อีกทั้งยังคงต้องจับตาปัจจัยที่น่าสนใจ ดังนี้ วันที่ 5 มี.ค. จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ. สหรัฐ เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. อียู เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. จีน เปิดประชุมสภา จะมีการเปิดรายงานแผนเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะมีการกำหนดเป้าหมายเศรษฐกิจ การขาดดุลงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นต่าง ๆ รวมทั้งผ่านกฏหมายว่าด้วยการลงทุนจากต่างชาติฉบับใหม่

วันที่ 6 มี.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ. ดุลการค้าเดือนธ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากเฟด (เช้าวันที่ 7 มี.ค.) และวันที่ 7 มี.ค.ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ ขณะที่จีน เปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ. อียู เปิดเผย GDP ไตรมาส 4/61 (ประมาณการครั้งที่ 3) สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/61

วันที่ 8 มี.ค. ญี่ปุ่น เปิดเผย GDP ไตรมาส 4/61 จีน เปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และ 9 มี.ค. จีน เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ของ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,625 -1,665 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เข้าคำนวณ FTSE ที่ราคาหุ้นมีผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี น้อยกว่าดัชนี ได้แก่ HMPRO และ MTC มีผล 15 มี.ค.นี้และ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เช่น VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJC และ TKS รวมทั้งหุ้นได้อานิสงส์ขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว เช่น AOT, CENTEL และ ERW

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำนั้น จากแนวโน้มดอลลาร์แข็งค่าตามกระแสความเชื่อมั่นของนักลงทุนหนุนเงินไหลออกจากกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งตราสารหนี้และโลหะมีค่า แล้วกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้น แต่ด้วยการที่แคนาดาตัดสินใจส่งตัวผู้บริหารหัวเว่ยไปดำเนินคดีต่อในสหรัฐ และการที่นานาประเทศในสหภาพยุโรปไม่ยอมตามแรงต้านของสหรัฐที่ต้องการให้คว่ำบาตรเทคโนโลยีของหัวเว่ย ทำให้ภาวะสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ดูเหมือนผ่อนคลายลงชั่วคราวอาจปะทุขึ้นมาอีก ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อทองคำได้ในระยะถัดไป

ส่วนมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวลงหลุดแนวโน้มขาขึ้น แต่มีโอกาสจะรีบาวด์ขึ้นไปเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ อีกครั้ง ซึ่งควรพิจารณาขายออกไปก่อน แม้ในระยะสั้นเงินบาทที่อ่อนค่าได้ช่วยหนุนราคาทองคำในประเทศอยู่ก็ตาม คาดการณ์กรอบสัปดาห์ระหว่าง 1,275–1,330 ดอลลาร์ แนะนำพอร์ตระยะสั้นซื้อเก็งกำไรการรีบาวด์ และขายทันทีเมื่อมีกำไร ส่วนพอร์ตลงทุนควรขายลดการถือครองเพื่อรอจังหวะเก็บคืนอีกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ