โบรกฯเชียร์"ซื้อ" BANPU แม้มองกำไรปี 62 อ่อนแอหลังราคาถ่านหินผ่านจุดพีคไปแล้ว แต่ราคาหุ้นที่ไม่แพง-จ่ายปันผลดียังหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 5, 2019 13:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บ้านปู (BANPU) แม้ว่าผลประกอบการในปีนี้จะยังไม่สดใส โดยทิศทางกำไรปกติในช่วงไตรมาส 1/62 อาจทำได้เพียงระดับทรงตัวถึงชะลอตัวลง จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายถ่านหินที่ลดลงเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในอินโดนีเซีย พร้อมทั้งปรับลดกำไรปกติในปี 62 สะท้อนราคาถ่านหินที่ผ่านช่วงที่ดีที่สุดไปแล้ว ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติน่าจะยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรหลักในปีนี้ได้ แต่ด้วยพอร์ตที่ยังมีขนาดเล็กก็อาจจะไม่ได้หนุนกำไรอย่างชัดเจนมากนัก

อย่างไรก็ตามด้วย Valuation ของหุ้น BANPU ที่ไม่แพง และการจ่ายปันผลในระดับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ดียังเป็นปัจจัยหนุนที่น่าสนใจ อีกทั้งระยะยาวมีแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจพลังงานสะอาด และเทคโนโลยี เพื่อก้าวไปสู่บริษัทพลังงานครบวงจร เป็นบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

พักเที่ยงราคาหุ้น BANU อยู่ที่ 16.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.62% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.11%

          โบรกเกอร์                          คำแนะนำ                   ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเซีย พลัส                           ซื้อ                           18.50
          หยวนต้า (ประเทศไทย)                  ซื้อ                           22.50
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                    ซื้อเก็งกำไร                      23.00
          เคที ซีมิโก้                          Outperform                     22.00
          แอพเพิล เวลธ์                         ซื้อ                           20.00
          เอเชีย เวลท์                          ซื้อ                           23.50

นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 ของ BANPU ในส่วนของกำไรปกติน่าจะทำได้เพียงระดับทรงตัว หรืออ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/61 หลังจะถูกกดดันจากธุรกิจถ่านหินที่ปริมาณขายมีแนวโน้มลดลงเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในอินโดนีเซีย และราคาขายถ่านหินที่มีแนวโน้มปรับตัวลงเล็กน้อย สะท้อนจากดัชนีราคาถ่านหิน BJI ที่นับตั้งแต่ต้นปีลดลง 5.6% มาอยู่ที่ราว 98.4 เหรียญสหรัฐ/ตัน

แต่ BANPU ยังได้รับปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่จะเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจไฟฟ้า ที่โรงไฟฟ้าทุกแห่งกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต หลังจากที่ได้หยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหลายยูนิตในช่วงไตรมาส 4/61 ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิของ BANPU ยังขึ้นอยู่กับกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรหรือขาดทุนจากการทำป้องกันความเสี่ยง (Hedging)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ น่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของ BNAPU ในปีนี้จากทิศทางราคาก๊าซฯในสหรัฐฯที่อิง Henry Hub ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นมาตลอด แต่ขนาดธุรกิจก๊าซฯก็ยังนับว่าเล็กมากด้วยกำลังการผลิตราว 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ทำให้จะยังไม่เห็นการขับเคลื่อนกำไรที่ชัดเจน ซึ่งปัจจุบัน BANPU ยังคงมองหาการลงทุนแหล่งก๊าซฯใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดปริมาณการผลิต โดยมีเป้าหมายภายในปี 66 ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจก๊าซฯเพิ่มเป็น 20% จาก 10% ขณะนี้ และลดส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจถ่านหินเหลือเพียง 45% จากราว 60% ในปัจจุบัน ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเป็น 35% จาก 30% ในปัจจุบัน

"เรายังคงแนะนำ"ซื้อ" แต่อยู่ภายใต้หลักความระมัดระวังมากขึ้นจากภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมถ่านหิน ที่ผู้ใช้หลักอย่างจีนที่มีความเข้มงวดมากขึ้นทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินมีแนวโน้มชะลอตัวจากปีก่อน แต่ช่วงสั้นให้เน้นถือเพื่อรอรับปันผลได้เพราะล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังของปี 61 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.1%"นางสาวนลินรัตน์ กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่าแนวโน้มกำไรปกติของ BANPU ในไตรมาส 1/62 จะชะลอตัวลงจากราคาถ่านหิน และต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณขายถ่านหินลดลงตามฤดูกาล สอดคล้องกับแผนผลิตถ่านหินในอินโดนีเซีย 5 ล้านตัน ลดลง 22% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 16% จากงวดปีก่อน ส่วนในออสเตรเลียวางเป้าไว้ที่ 2.4 ล้านตัน ลดลง 29% จากไตรมาสก่อน และลดลง 8% จากงวดปีก่อน ส่วนธุรกิจไฟฟ้าน่าจะมีกำไรฟื้นตัวขึ้น จากการที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี กลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังหลังจากหยุดซ่อมบำรุง

ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรปกติของ BANPU ในปี 62 ลง 7% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 4% จากปีที่แล้ว สะท้อนมุมมองราคาถ่านหินที่ผ่านจุดดีที่สุดไปแล้วในปีก่อน โดยปรับสมมติฐานหลักจากราคาถ่านหิน Newcastle ลง 5% เป็น 90 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือลดลง 16% จากปีก่อน และปริมาณขายถ่านหินลง 1% เป็น 42.2 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ขณะที่ปรับต้นทุนผลิตเหมืองออสเตรเลียขึ้น 6% เป็น 72.5 เหรียญออสเตรเลีย/ตัน ทรงตัวจากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ"ซื้อ"หุ้น BANPU จากราคาหุ้น ณ ปัจจุบันหุ้นมี Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PER62 ที่ 7.2x มี Dividend yield 6.3% และระยะยาวหุ้นมีจุดเปลี่ยนสำคัญจากกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนธุรกิจพลังงานสะอาด และเทคโนโลยี เป็นบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงประมาณการกำไรปกติของ BANPU ในปี 62 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท ลดลง 14% จากปีที่แล้ว สะท้อนแนวโน้มราคาถ่านหินที่อ่อนตัวจากปีก่อน โดยมีความเสี่ยงจากประเทศจีนออกมาตรควบคุมการนำเข้าถ่านหินเมื่อหมดช่วงฤดูหนาว รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

แต่ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ" แม้แนวโน้มราคาถ่านหินจะผ่านพ้นช่วง Peak ไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยหนุนตามฤดูกาลกำลังจะหมดลง แต่ยังชอบการปรับตัวของ BANPU ให้ก้าวไปสู่บริษัทพลังงานครบวงจร โดยเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่นที่ยังคงเติบโตได้ดีผ่านการลงทุนในต่างประเทศ ช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการในระยะยาว ประกอบกับ BANPU ประกาศจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 61 ที่ 0.35 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 2.1% โดยหุ้นจะขึ้น XD ในวันที่ 9 เม.ย.62

บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า โดยคาดการณ์กำไรปกติปี 62 ของ BANPU ยังมีความเสี่ยงเชิงบวกจากราคาถ่านหินที่อาจแข็งแกร่งกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจก๊าซฯ ที่อาจสูงกว่าคาด นอกจากนี้การวางรากฐานการเติบโตจากธุรกิจขั้นต้นสู่ธุรกิจขั้นปลาย ซึ่งมีทั้งธุรกิจถ่านหิน ,ก๊าซฯ และธุรกิจไฟฟ้า โดยเน้นตลาดเวียดนามที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเป็นเป้าหมายหลัก คาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรในระยะยาว เนื่องจาก BANPU นับเป็นโฮลดิ้งคัมพะนี ที่ราคาหุ้นจะถูกซื้อขายที่ discount จากมูลค่า ขณะที่การวางเป้าของ BANPU เป็นบริษัทพลังงานครบวงจรยังไม่ได้ถูกสะท้อนในราคาหุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ