(เพิ่มเติม) DDD ตั้งเป้ารายได้ปี 62 โต 15% มาที่ 1.45 พันลบ. พร้อมรุกแผนส่งออก-ดันสินค้าใหม่หนุนรายได้แตะ 3 พันลบ.ปี 66

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 5, 2019 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดูเดย์ดรีม (DDD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 2562 รายได้เติบโต 15% แตะระดับ 1, 450 ล้านบาท หลังมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์เดิมพร้อมเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ ได้แก่ แบรนด์ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโดยมาพร้อมกับเซรั่มไฮยาลูรอนที่มีความเข้มข้น 3 โมเลกุลเพื่อสร้างความชุ่มชื้นล้ำลึกถึงชั้นในสุด

นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่สำหรับรองรับการเพิ่มไลน์การผลิตให้เพิ่มมากขึ้นและสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และบริษัทยังได้อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาความเป็นไปได้โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายในปีนี้

นายสราวุฒิ กล่าวว่า กลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้จะเน้นรุกตลาดในประเทศเป็นสำคัญ แต่ยังให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นรองลงมาสำหรับตลาดในต่างประเทศ โดยบริษัทจะเน้นการขยายตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เริ่มเข้าไปทำการตลาดเมื่อช่วงปลายเดือนก.ย.61 และพบว่าผลิตภัณฑ์สเนลไวท์ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้คาดว่าในปี 2552 บริษัทจะมีรายได้จากประเทศฟิลิปปินส์กว่า 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังคงรักษาระดับส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีน ไว้ไม่ให้ปรับตัวลดลง โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 1-2 ราย และในฮ่องกง จะมุ่งเน้นการกระจายสินค้าไปตามร้านค้าต่าง ๆ ให้มากขึ้น

ส่วนตลาดในประเทศ วางแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางการขายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 5% ของร้านค้าแบบดั้งเดิมในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น หลังจากปรับกลยุทธ์ และการสื่อสารให้เข้าถึงร้านค้าและผู้บริโภค โดยเน้นการกระจายสินค้าเข้าไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งบริษัทได้เริ่มเข้าไปทำการตลาดตั้งแต่ไตรมาส 3/61 รวมทั้งยังเพิ่มการสื่อสารกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อจูงใจในการซื้อสินค้า เพราะว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นลูกค้าสำคัญของบริษัท โดยวางงบการตลาดในปีนี้ไว้ที่ 49% ของยอดขายรวม

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นตามรายได้ จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 181.41 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์เดิม และออกแบรนด์สินค้าใหม่ จำนวนรวม 8 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แบรนด์ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) และ PRETTii FACE ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ที่คาดจะเปิดตัวในไตรมาส 2/62

"ปีนี้เราคาดว่ารายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อน โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากร้านค้าแบบดั้งเดิมและการขยายจุดขายในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยว 10%, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ 5% และรายได้จากฟิลิปปินส์ 5%"

นายสราวุฒิ กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโตเป็น 3,000 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออกขยับขึ้นเป็น 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 11% โดยตั้งเป้ามีรายได้จากประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มเป็น 400 ล้านบาท และออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง จำนวนรวม 40 ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าแบบดั้งเดิม ที่ตั้งเป้าว่าจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของร้านค้าแบบดั้งเดิมในปัจจุบัน

ขณะที่บริษัทยังตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 หรือคิดเป็น 12% ในปี 66 จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 6 หรือคิดเป็น 4.3% จากการออกแบรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีแบรนด์ประเภท Facial Skincare, Cleansing, Dermatological แล้ว โดยมองไปยังผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร และการบริการความงาม เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีความสนใจในธุรกิจบริการเรื่องความงาม เพื่อต่อยอดการเติบโตซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายในปีนี้ มองมูลค่าบริษัทมากกว่า 200 ล้านบาท โดยบริษัทถือว่ามีความพร้อมของแหล่งเงินทุน จากปัจจุบันมีเงินที่เหลือจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท และมีเงินลงทุนระยะสั้นอีก 2,600 ล้านบาท

ด้านแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/62 คาดว่าน่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 4/61 เนื่องจากในช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้ บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

นายสราวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวยังมีแผนที่จะซื้อหุ้น DDD เข้ามาเพิ่มเติม หากราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก จากปัจจุบันที่ถือหุ้นในสัดส่วนราว 56%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ