SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,630.12 จุด ลดลง 3.09 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 34,356.62 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เหตุกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะหนี้เสียกลุ่มธนาคารแถบยูโรโซน นักลงทุนทยอยปิดความเสี่ยงหันลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มอ่อนตัว กดดันแรงขายในกลุ่มพลังงาน ขณะที่สัปดาห์หน้า คาดดัชนีจะแกว่งตัวรอลุ้นปัจจัยบวกปลายเดือน มี.ค.นี้ ทั้ง MSCI คาดเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ,การเลือกตั้งมีความชัดเจน โดยมองแนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,630.12 จุด ลดลง 3.09 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 34,356.62 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวสลับแดนบวกและลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,637.46 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,626.33 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 450 หลักทรัพย์ ลดลง 845 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 500 หลักทรัพย์
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า สถานการณ์การลงทุนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ นักลงทุนกลับมากังวลความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่กำลังส่งสัญญาณชะลอตัว ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ ทำให้นักลงทุนเริ่มวิตกกับการเร่งตัวขึ้นของหนี้เสียของธนาคารในแถบยุโรป
ความกังวลที่เกิดขึ้น ได้กระทบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกให้มีแนวโน้มอ่อนตัว ตามความต้องการที่ลดลง กระทบแรงขายสลับออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน
ขณะที่ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์มีโอกาสปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยกดดันดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก สะท้อนผ่านการโยกย้ายเงินของกลุ่มนักลงทุนในตลาดที่ลดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยง หันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้นอย่างทองคำ
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ มองว่ายังแกว่งตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน เป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนถือครองหุ้นไทยต่ำ ,สถานการณ์ทางการเมือง มีความชัดเจนในการเลือกตั้งมากขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคก็ตาม ,ขณะที่มีปัจจัยบวกในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ กรณี MSCI จะพิจารณานำกระดาน NVDR มารวมคำนวณในดัชนีฯ MSCI Thailand ถ้ารวมคำนวณจริงตามคาด น้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จาก 2.5%
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดเป็นลักษณะแกว่งตัว แต่ต้องติดตามปัจจัยลบความกังวลภาวะเศรษฐกิจภายนอกประเทศ จะทวีความรุนแรงขึ้นจนกระทบบรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นเชิงลบหรือไม่ แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Wait & See เพราะปริมาณซื้อขายยังเบาบาง ทำให้มีความเสี่ยงหากตลาดผันผวนในเชิงลบ ขณะที่นักลงทุนระยะกลาง เน้นปัจจัยพื้นฐานได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดีขึ้น รวมถึงหุ้นที่มีปันผลสูง โดยมองแนวรับที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,018.37 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,416.40 ล้านบาท ปิดที่ 68.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,321.62 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,188.03 ล้านบาท ปิดที่ 121.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 902.71 ล้านบาท ปิดที่ 10.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท