นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 26 มี.ค.62 ประเภทตราสารหนี้ต่างประเทศ และตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 229 (KTFF229) และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐไทย (KT-THAIGOV) โดยทั้ง 2 กองทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
สำหรับกองทุน KTFF229 มีอายุโครงการ 1 ปี เน้นลงทุนเงินฝากประจำ Agricultural Bank China, Bank of China, China Construction Bank Asia, AL Khalij Commercial Bank, AL Ahli Bank และ Commercial Bank PQSC ผลตอบแทนประมาณ 1.80% ต่อปี
ส่วนกองทุน KT-THAIGOV อายุโครงการ 1 ปี เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตั๋วเงินคลัง ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี
นางชวินดา กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลงท่ามกลางความผันผวนของตลาด จากการตัดสินใจเรื่องการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) และกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย (Risk off) หลังดัชนีภาคการผลิตในเดือน มี.ค.62 ดิ่งลงสู่ระดับ 3.7 จุด จากระดับ 8.8 จุดในเดือน ก.พ.62 และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจมีการปรับทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ย (Dot Plot)
โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ของสหรัฐอายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps. มาอยู่ที่ 2.43% อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps. อยู่ที่ 2.40% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 3 bps. อยู่ที่ 2.59%
ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย อายุคงเหลือ2 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps. อยู่ที่ 1.75% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 bps.อยู่ที่ 2.19% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 bps. อยู่ที่ 2.59% ต่อปี ทั้งนี้ ในไตรมาสหน้ารัฐบาลจะมีการออกพันธบัตรใหม่มูลค่า 143,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสปัจจุบันที่ 138,000 ล้านบาท