ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.91 จุด ลดลง 20.38 จุด (-1.24%) มูลค่าการซื้อขาย 47,064.83 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,636.93 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,617.89 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 317 หลักทรัพย์ ลดลง 1,221 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 303 หลักทรัพย์
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกัน โดยตลาดบ้านเราเผชิญปัจจัยกระทบทั้งจากปัจจัยนอกประเทศ และในประเทศ จากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยหลังจากที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาไม่ดี โดยเฉพาะในเยอรมนี และฝรั่งเศส ตัวเลข PMI ออกมาแย่มาก
ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องของการเมือง แม้ว่าจะผ่านการเลือกตั้งแล้ว แต่ผลการเลือกตั้งก็ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งต้องรอให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. ในระหว่างที่ต้องรอนี้นักลงทุนก็ไม่รีบร้อนเข้าลงทุนเพื่ออยากจะรอดูความชัดเจนก่อน โดยเฉพาะการฟอร์มทีมรัฐบาล ซึ่งต่างก็รอดูว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากหรือน้อยแค่ไหน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) นายกิจพณ กล่าวว่า สัญญาณทางเทคนิคของตลาดฯดูไม่ดีหลังจากที่ดัชนีฯหลุดแนว 1,630-1,635 จุด แต่หากดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,620 จุด ได้ ทิศทางตลาดฯก็น่าจะเป็นแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635 จุด
ทั้งนี้ ภาพใหญ่ของตลาดฯน่าจะยังเป็นบวกอยู่ เพราะมองว่าการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางหลายแหล่งที่ผ่อนคลายทำให้ตลาดฯไม่ปรับตัวลงมาก
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,619.48 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,596.98 ล้านบาท ปิดที่ 74.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
STEC มูลค่าการซื้อขาย 2,112.14 ล้านบาท ปิดที่ 23.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,650.09 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 1.25 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,603.95 ล้านบาท ปิดที่ 124.00 บาท ลดลง 2.50 บาท