(เพิ่มเติม) บล.คิงส์ฟอร์ด ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ที่ 6% หวังปีนี้พลิกกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 27, 2019 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว. จิราคม กิติยากร ประธานกรรมการ บล.คิงส์ฟอร์ด หรือเดิมคือบล.แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ 3 ส่วนด้วยกันคือ 1.การปรับคณะกรรมการบริษัท โดยได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์เข้ามานั่งในคณะกรรมการ 2. การปรับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ตั้งทีมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำทัพโดย นายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ และนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผนึกกำลังขับเคลื่อนองค์กร 3. การปรับโฉมธุรกิจด้วยแนวคิดดิจิทัล ตั้งเป้าเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มั่นใจว่าการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร ทำให้บล. คิงส์ฟอร์ด ไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ภายใต้ระบบการกำกับดูแลตามหลักบรรษัทภิบาลของคณะกรรมการบริษัท

นายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คิงส์ฟอร์ด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งมีผู้บริหารชุดเดิมและชุดใหม่ผนึกกำลังกัน เพื่อเข้ามาบริหารงาน โดยมีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม เพื่อเป็นผู้นำร่วมกันช่วยผลักดันองค์กรให้เติบโตได้ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทได้รับทีมการตลาดที่มีความสามารถเข้ามาเพิ่มเติม และทำงานร่วมกับพนักงานชุดเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

บริษัทฯ ตั้งเป้ารักษาระดับส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปีนี้อยู่ที่ 6% จากปัจจุบันสามารถทำได้แล้วที่ 6.78% ขณะที่สิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1.08% โดยบริษัทฯ จะเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยอีก 50% เป็น 35,000 ราย จากเดิมอยู่ที่ 25,000 ราย จากการที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย และการพัฒนาระบบที่ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย ทุกที่ทุกเวลา และการออกผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงจะรักษาฐานลูกค้าต่างประเทศ

ปัจจุบันบริษัทฯ มีนักลงทุนสถาบันต่างชาติในพอร์ต จำนวน 2-3 ราย โดยจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ระบบแพลตฟอร์มการเทรด ที่ทำให้ลูกค้าต่างประเทศสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของการดำเนินงานของทีมงานต่างประเทศ

ขณะที่บริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าจากนักลงทุนต่างประเทศ 70% และนักลงทุนทั่วไป 30% โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนลูกค้าทั้งสองส่วนใกล้เคียงกันที่ 50:50

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยการปรับลดสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบันอัตราค่านายหน้าฯ ค่อนข้างอยู่ในระดับต่ำ หรืออยู่ที่ 0.09% ทำให้บริษัทฯ จะต้องลดการพึ่งพิงรายได้จากส่วนดังกล่าวลง และไปเพิ่มสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียม ค่าที่ปรึกษา และดอกเบี้ย จากการมุ่งเน้นธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ หรือ Securities Borrowing and Lending (SBL) ที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ที่ 10-15 ล้านบาท, ธุรกรรม Block Trade, งานด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือที่ปรึกษาทางการเงิน (IB) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรวม 3-5 ดีล แบ่งเป็น การนำบริษัทเอกชนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และที่ปรึกษาทางการเงินอื่นๆ ราว 2 ดีล, ธุรกิจหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ ในการจับคู่ผู้ที่ต้องการเงินทุนและผู้ที่ต้องการลงทุนมาเจอกัน คาดว่าปีนี้จะมีการระดมทุนได้ 3,000 ล้านบาท

ทำให้บริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษาเข้ามา อีกทั้งยังดำเนินการเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้น และในเรื่องของ ICO เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างประสานงานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สิ้นปี 61 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าฯ อยู่ที่ 82%, ค่าธรรมเนียม 0.3%, ดอกเบี้ย 14% และอื่นๆ 3.7% ส่วนในปี 62 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากค่านายหน้าฯ จะลดลงมาที่ 75%, ค่าธรรมเนียม และที่ปรึกษาจะเพิ่มขึ้นเป็น 6%, ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% และอื่นๆ จะอยู่ที่ 0.5%

นอกจากนี้ในด้านของลูกค้า บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปรับโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทใหม่ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริษัทได้ง่ายขึ้น โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบต่างๆ เช่น การล็อกอินเพียงครั้งเดียว สามารถใช้ได้ทุกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมีอยู่ เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะพัฒนาเครื่องมือทั้ง AI,PH,MT5 ในการให้บริการลูกค้า รวมถึงการให้โบรกเกอร์เสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ทุกผลิตภัณฑ์ที่มี

นายวราภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ โดยตั้งเป้ามีกำไรสุทธิในปีนี้ที่ 19 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 89 ล้านบาท โดยการดำเนินธุรกิจข้างต้นจะเห็นความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บริษัท คิงส์ฟอร์ด โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทแม่ มีแผนที่จะทำธุรกิจต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อขยายฐานรายได้จากการประกอบธุรกิจต่าง ๆ จากแผนธุรกิจดังกล่าวจึงเห็นว่าบริษัทควรจะดำเนินการปรับภาพลักษณ์ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของกลุ่มบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น และแตกต่างจากการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา ตลอดจนสร้างความทันสมัย ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่สนใจของนักลงทุน


แท็ก ฟอร์ด  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ