(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อรับความหวังเจร

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ มองว่า ตลาดหุ้นวันนี้จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ เนื่องจากมีความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนน่าจะออกมาในทิศทางทีดี และตลาดพันธบัตรเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ โดยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 3 bps

ส่วนปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้ง 100% ทำให้จำนวนที่นั่ง ส.ส.ของแต่ละพรรคและการจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่ทำให้บางเขตอาจต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จากนี้ไปคาดว่า กกต.จะทยอยรับรองผลการเลือกตั้งในเขตที่ไม่มีปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังรับปัจจัยบวกจากการที่ MSCI ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ให้นำ NVDR มารวมคำนวณด้วย ทำให้น้ำหนักหุ้นไทยเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาราว 5-6 หมื่นล้านบาท แนะนำติดตามวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน และสหรัฐประกาศตัวเลข PMI ชิคาโก และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

พร้อมให้แนวรับ 1,625 จุด แนวต้าน 1,638 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,642-1,643 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,717.46 จุด เพิ่มขึ้น 91.87 จุด

(+0.36%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,815.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.07 จุด (+0.36%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,669.17 จุด เพิ่มขึ้น 25.19 จุด (+0.34%)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 194.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 37.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 19.98 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 14.69 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 มี.ค.62) 1,634.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด (+0.30%)
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 62.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 มี.ค.62
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 มี.ค.62) ปิดที่ 59.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2%
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 มี.ค.62) ที่ 5.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 31.82 มองกรอบเคลิ่อนไหววันนี้ 31.75-31.90 จับตาโหวต Brexit ครั้งสุดท้าย
ศึกชิงตั้งรัฐบาล 2 ขั้ว เสียง ส.ส.สุดสูสี หลังกกต.เปิดผลเลือกตั้ง 350 เขต พปชร.อันดับ1คว้า 8.43 ล้านคะแนน "เพื่อไทย" คะแนนเพิ่มเป็น 7.9 ล้าน "สนธิรัตน์" มั่นใจรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ยอมรับ 2 ฝ่ายก้ำกึ่ง ปัดดีล "ภูมิใจไทย" แลกเก้าอี้รัฐมนตรีเกรดเอ เพื่อไทยยังเดินหน้า จัดตั้งรัฐบาลทะลุ 250 ที่นั่ง-ไม่หวั่นไร้งูเห่าโหวตสวน
ทร.เลื่อนประกาศผลซอง 1 เมืองการบิน อู่ตะเภา แจงยื่นซองหลายรายตรวจเอกสารไม่ทัน มั่นใจผู้ชนะ เม.ย.นี้ "ไพรินทร์"ย้ำรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รักษาการ ชี้ 5 โครงการอีอีซีได้เอกชน เม.ย.นี้ ร.ฟ.ท.คาดเจรจาซีพี 4 เม.ย. ได้ข้อสรุป กทท.คาดวันนี้ 2 รายชิงแหลมฉบังเฟส 3 ปตท.จับมือ พันธมิตรจีนลงสนาม"ฮัทชิสัน"ถอนตัว
กสิกรไทย แนะจับตา ต่างชาติขนเงินปันผลออกนอกประเทศกว่า 8.7 หมื่นล้าน กดดันเงินบาท ช่วงไตรมาส 2 วูบ คาดเฉลี่ยที่ 31.5-32.5 ต่อดอลลาร์ เผยนักลงทุนต่างชาติได้ปันผลจากหุ้น ADVANC มากสุดถึง 7.4 พันล้าน ขณะ ตลท.ไฟเขียวเพิ่ม"ดีอาร์-เอ็นวีดีอาร์"ขายชอร์ตได้ เริ่ม 3 เม.ย.นี้
ส.อ.ท.แนะรัฐบาลใหม่ต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชัน อย่าซ้ำรอยยุค"ทักษิณ"หวังรัฐบาลใหม่เป็นที่ยอมรับไม่นำมาซึ่งการประท้วงรุนแรงจนซ้ำรอยเดิม

*หุ้นเด่นวันนี้

CPN (กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 93 ราคาลดลงสะท้อนผลประกอบการอ่อนแอใน Q4/61 ไปแล้วมองเป็นโอกาสซื้อคาดงบ Q1/62 พลิกเป็นเติบโตทั้ง qoq และ yoy ขณะที่ภาพรวมทั้งปีโตต่อเนื่องอีก 15% จากการเปิดโครงการใหม่และปรับขึ้นค่าเช่า นอกจากนี้ CPN ยังเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่คาดว่า MSCI จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในการคำนวนรอบใหม่
BEC (เคทีบีฯ)"ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.20 บาท คาดพลิกกลับมาเป็นกำไรอีกครั้งใน Q1/62 จากการฟื้นตัวของเรตติ้งจาก 1) รายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินหาเสียงเลือกตั้งและกลุ่ม FMCG ทุ่มงบโฆษณามาก 2) รายได้ค่าลิขสิทธิ์และการขายสินค้า เพิ่มขึ้น 3) ต้นทุนการผลิตรายการทีวีลดลง เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ CEO ใหม่ปรับเปลี่ยนธุรกิจ Free TV เป็น Online distribution ราคาหุ้นไม่แพง เทรดที่ 31 เท่า PE ปีนี้ ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มมีเดียที่ 31.4 เท่า แต่กำไรโตสูงมาก
QH (เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ) "เก็งกำไร" เป้า 3.30 บาท จุดเด่นคือปันผลสูงและมีกำไรบริษัทลูกเป็นตัวหนุนผลงาน รวมทั้ง Downside บน Gross Margin มีโอกาสเกิดน้อยเนื่องจากมีการบันทึกด้อยค่าไปแล้วในปีก่อน ดังนั้นหากยอดส่งมอบเป็นไปตามคาดและมีผลกระทบของ LTV ที่ต่ำ มองว่า QH จะสามารถเติบโตได้ประมาณ 3.2% ในปีนี้และมี Yield ที่ประมาณ 7.7%

--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--