UVAN คาดปี 51 ธุรกิจสดใสตามผลผลิตปาล์มเพิ่ม-ราคาขายพุ่งทำนิวไฮ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 30, 2008 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม(UVAN) คาดปี 51 รายได้มีทิศทางสดใสตามภาพรวมธุรกิจน้ำมันปาล์ม รับผลบวกปริมาณผลผลิตปาล์มเติบโตราว 20% รวมทั้งราคาสูงตาม trend ทั่วโลกที่พืชพลังงานทดแทนได้ราคาดี ขณะที่โบรกฯ คาดปี 50 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปี 49 
แหล่งข่าวจาก UVAN กล่าวว่า ภาพรวมราคาน้ำมันปาล์มยังอยู่ระดับสูงก็หวังว่าจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 51 จะเติบโตขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าผลผลิตปาล์มทั่วประเทศน่าจะสูงขึ้น 20% โดยปริมาณน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้านตันต่อปี จาก 1.05 ล้านตัน/ปีในปี 50
ประกอบกับถ้าราคาน้ำมันพืชทั่วโลกปรับขึ้น ก็จะส่งผลถึงราคาผลผลิตปาล์มในประเทศด้วย จากสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชทั่วโลก ทั้งราคาน้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพดอยู่ในระดับที่แข็งขึ้นน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทแน่นอน ซึ่งมีปัจจัย 2 ประการ คือ กระแสโลกกระแสเรื่องการผลิตพลังงานทดแทนจากพืชน้ำมัน และ ในปีก่อนเกษตรกรในสหรัฐเปลี่ยนพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองมาปลูกข้าวโพดแทน ทำให้อุปทานถั่วเหลืองมีปัญหาตึงตัว
เมื่อช่วงกลางเดือนม.ค.51 ราคาน้ำมันเมล็ดอยู่ที่ 38-39 บาท/ก.ก.น้ำมันปาล์มดิบ 36-37 บาท/ก.ก.ผลปาล์มสด อยู่ที่ 6 บาทขึ้นไป แนวโน้มราคาคิดว่ายังทรงตัวอยู่ระดับสูงได้ เมื่อเทียบกับปี 50 ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 25 บาท/ก.ก.ซึ่งเป็นผลผลิตหลักของบริษัทที่ราคาได้ปรับขึ้นมากจะเห็นว่าราคาผันผวนอย่างมาก
แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ.ผลผลิตปาล์มจะตกต่ำเพราะเป็นช่วง low season ปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดน้อย จึงทำให้ราคาผลผลิตปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งต้นทุนวัตถุดิปาล์มดิบสูงตาม แต่ราคาขายสินค้าของบริษัทก็ดีขึ้นด้วย เนื่องจาก UVAN มีจุดเด่นที่สามารถเลือกขายในประเทศหรือส่งออกได้หากราคาดีกว่า
ปัจจุบันกำลังการหีบปาล์มดิบของ UVAN อยู่ที่ 135 ตันผลปาล์มสด/ชั่วโมง แต่ปกติไม่ได้เดินเครื่องเต็มกำลัง ขึ้นกับปริมาณผลผลิตปาล์มที่เข้ามาสู่โรงงานในแต่ละฤดูกาล โดยในช่วงไตรมาส 1/51 ราว ม.ค.-ก.พ.จะเป็นช่วง low season ผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดจะน้อยและเข้ามาน้อย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้แม้ราคาน้ำมันปาล์มจะปรับสูงขึ้นก็ตาม
"ตอนนี้ผลผลิตปาล์มขาดตลาดเนื่องจากเป็น season แต่ช่วง มี.ค.-เม.ย.จะดีขึ้น แต่ละไตรมาสกำลังการผลิตจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับผลปาล์มที่เข้ามา และปรับขึ้นตามฤดูกาลที่เข้ามาซึ่งจะไปดีในช่วงมี.ค.เป็นต้นไป" แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขผลผลิตขาดแคลนด้วยการอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 3 หมื่นตันภายในปีนี้นั้น การนำเข้าผลปาล์มจากต่างประเทศ อาจจะทำให้สต็อกผลปาล์มของประเทศไทยดีขึ้น ทำให้มีปริมาณที่เพียงพอ สต็อกไม่ตึงตัว ทำให้ไม่ต้องกังวลกับประเด็นตรงนี้มาก
อนึ่ง ในปี 50 กรมการค้าภายในรายงาน ราคาเฉลี่ยผลปาล์มสดพุ่งขึ้น 56% จากปีก่อนเป็น 4.28 บาท/ก.ก. เพราะโรงสกัดที่มีมากขึ้นแข่งขันกันรับซื้อผลปาล์ม ซึ่งทำให้ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพิ่มขึ้น 55% เป็น 24.45 บาท/ก.ก. และน้ำมันเมล็ดในปาล์มเพิ่มขึ้น 30% เป็น 26.35 บาท/ก.ก.
ล่าสุด กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกขวด(ลิตร) ละ 4 บาท หรือจาก 43.50 บาท เป็น 47.50 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยราคาที่ปรับขึ้นนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก ซึ่งน้ำมันถั่วเหลืองขณะนี้อยู่ที่ขวดละ 45.50 บาทเท่านั้น
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ส(DBSV) เห็นว่าธุรกิจเกี่ยวกับปาล์มจะได้รับประโยชน์ ทั้งผู้สกัดน้ำมันปาล์มดิบ (UVAN, UPOIC และ CPI) และผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มสำเร็จรูป (LST)รวมทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองสำเร็จรูป (TVO) ก็น่าจะได้ปรับขึ้นราคามาในอนาคตเช่นกัน เพราะเป็นสินค้าพลังงานทดแทน
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่า UVAN คาดการณ์ปริมาณผลปาล์มสดออกสู่ตลาดในประเทศไทยปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 19% ขณะที่ราคาผลปาล์มสดและราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยทั้งปี น่าจะทรงตัวในระดับสูง เพราะความต้องการน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกและในประเทศแข็งแกร่ง ตามราคาน้ำมันปิโตรฯ รวมถึงความต้องการในการใช้บริโภคด้วย เพราะเป็นสินค้าจำเป็น ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 51 เป็น 560 ล้านบาท (5.96 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 12.2%
ส่วนประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 เป็น 499 ล้านบาท (5.31 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 15% จาก 20% ในปี 49 เนื่องบริษัทขยายกำลังการสกัดและต้องรับซื้อผลปาล์มมากขึ้น ขณะที่มีการแข่งขันกันรับซื้อ รวมถึงมีการซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบุคคลภายนอกเพื่อส่งออก ส่วนกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/50 ที่ 161 ล้านบาท (1.71 บาท/หุ้น) เติบโตแข็งแกร่ง 46%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ