SC-BCPG ร่วมมือติดตั้งโซลาร์รูฟให้ลูกบ้านและสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ในโครงการ"เนเบอร์ฮูด บางกะดี"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 18, 2019 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับ บมจ.บีซีพีจี (BCPG)ในโครงการ Sun Share Project เป็นโครงการความร่วมมือนำระบบโซลาร์ รูฟ ติดตั้งที่บ้านลูกค้า และ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ (Sport complex) ในโครงการเนเบอร์ฮูด บางกะดี (Neighborhood Bangkadi) ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งพัฒนาโดย BCPG มาใช้ในการบริหารพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าสามารถซื้อ-ขายพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบบล็อกเชน แบบอัตโนมัติ ประการสำคัญ คือ ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์โดยตรง

นอกจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในกระเป๋าระยะยาว 2 เรื่อง ได้แก่ 1.สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน จากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจาก โซลาร์ รูฟ โดยตรง อีกด้านคือ สามารถซื้อพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบ Blockchain ได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งราคาต่อหน่วยไฟฟ้านี้จะถูกกว่าหน่วยไฟฟ้าของการไฟฟ้าปกติ

2.กรณีลูกค้าไม่ได้ใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน หรือไม่อยู่บ้าน จะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าส่วนเกินที่ ผลิตได้ ผ่านระบบบล็อกเชนโดยอัตโนมัติ ให้กับบ้าน และสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน

นอกจากนี้ในอนาคต SC ASSET และ BCPG จะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อเชื่อมต่อกับบ้านรู้ใจ แอพพลิเคชั่น (BaanRueJai Application) อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

สำหรับโครงการ เนเบอร์ฮูด บางกะดี ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ เป็นทำเลที่มีศักยภาพต่อการเติบโตของชุมชนเมือง ซึ่งจะพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทั้งหมด 7 โครงการ โดยที่มีสมาชิกครอบครัว SC Family ประมาณ 1,800 ครัวเรือน ทั้งนี้การนำร่องโครงการ Sun Share Project จะเริ่มในบางส่วนของ 2 โครงการแรกที่เปิดขาย ได้แก่ โครงการ เวนิว ติวานนท์-รังสิต กับ โครงการเวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต โดยลูกค้าจะใช้งานได้ประมาณไตรมาส 4/62

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกนำนวัตกรรมระดับโลกมาใช้ในธุรกิจพลังงาน บีซีพีจีมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมสร้าง Quality Living ให้แก่ลูกค้าของ SC ASSET โดยการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในครัวเรือน และสามารถนำไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินความต้องการไปทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม บริษัทฯ จะเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง และดูแลระบบแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าให้ทั้งหมด โดยจะเริ่มต้นในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการพลังงานสะอาดจากโครงการต่างๆ ในอนาคต

โครงการ Sun Share Project ยังสามารถต่อยอดสู่การพัฒนาระบบบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานของชุมชน (Big Data and Data Management) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการพลังงานของพื้นที่สาธารณะ ทั้งส่วนกลาง และ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ฯลฯ โดยช่วยบริหารจัดการช่วงเวลาและลำดับการใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ของส่วนรวม เพื่อให้การใช้พลังงานของชุมชนมีความคุ้มค่า และเหมาะสมที่สุด

โครงการดังกล่าว เป็นการทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ขึ้น เนื่องจากไฟฟ้าทุกหน่วยที่ผลิตได้ จะนำไปใช้หรือแลกเปลี่ยนซื้อขายได้หมด ไม่มีไฟฟ้าส่วนเกินหรือเหลือใช้ ไม่กลายเป็นของเสียหรือสูญเปล่า และยังเป็นการสร้างเครือข่ายผู้ใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น ร่วมสร้าง low cost, low carbon society เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ