MONO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-25% เตรียมบันทึกกำไรพิเศษจากมาตรการกสทช.,ชูแนวทาง Synergy บริการสร้างโอกาสโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 23, 2019 17:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานกรรมการ บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15-25% จากปีก่อน และพยายามรักษาระดับ EBITDA Margin ที่ 50-60% ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน พร้อมวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทิศทางของช่อง MONO29 ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากค่าโฆษณาเติบโตอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาในช่วงไพร์มไทม์ 50% และทำแพ็คเกจการขายโฆษณา เพื่อให้มีความหลากหลายในการขายมากขึ้น ขณะเดียวกันเรื่องของเรทติ้งก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากมีภาพยนตร์ใหม่และซีรี่ย์ใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่น ๆ

ด้านทิศทางธุรกิจของ MONOMAX ปีนี้ตั้งเป้ามีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 120,000 ราย ขณะที่ไตรมาส 1/62 ทำได้แล้ว 11,000 ราย จากสิ้นปี 61 อยู่ที่ 4,400 ราย คาดหวังว่าการเติบโตของฐานลูกค้าจะเพิ่มเป็นเท่าตัวในทุก ๆ ไตรมาส เนื่องจากบริษัทมี Synergy ระหว่างแพลตฟอร์ม MONOMAX กับทางช่อง MONO29 เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการทำแคมเปญร่วมกัน เช่น การฉายภาพยนตร์ การโฆษณาไปพร้อม ๆ กัน

พร้อมกันนั้นยังมีการเตรียมรับมือในเรื่องของ Disruption หลังจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากจากการทีวีไปเป็นบริการแบบ Ondemand Internet ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ประกอบกับ บริษัทถือว่ามีความเข้าใจผู้บริโภค หรือสิ่งที่คนไทยต้องการดู ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้ให้บริการต่างชาติที่อาจจะไม่เข้าใจตลาดคนไทยมากนัก รวมถึงยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ต่างประเทศ

ธุรกิจอีเว้นท์ในปีนี้ยังคงรุกหนักในธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงต้นปีบริษัทได้ร่วมจัดงาน New Year Countdown ที่เมืองพัทยา และจัดงานเทศกาลสงกรานต์ร่วมกับ จ.ขอนแก่น ปิดถนนข้าวเหนียว เป็นต้น โดยตั้งเป้าธุรกิจนี้จะมีรายได้เติบโตเป็น 150 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 81 ล้านบาท

นายพิชญ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/62 หรือไตรมาส 3/62 บริษัทว่าคาดจะบันทึกกำไรพิเศษจากมาตรการของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ให้ช่องทีวีดิจิตอลสามารถคืนใบอนุญาตได้ รวมถึงค่าใบอนุญาตในส่วนที่เหลือลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกระแสเงินสดของบริษัทอย่างแน่นอน อีกทั้งคาดว่าจะมีช่องทีวีดิจิตอลหายไปอย่างน้อย 5 ช่อง จึงมองว่าเป็นโอกาสที่บริษัทจะขายโฆษณาได้มากขึ้น และน่าจะส่งผลทำให้อุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีกลับมาดีขึ้น หรือไม่ได้แข่งขันกันมากเกินไป

"เราไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นแค่ทีวีอย่างเดียวแล้ว ซึ่งเราเป็นทั้งมีเดียและ Ondemand และเราก็มีการทำงานร่วมกับ MONOMAX ด้วย ซึ่งไม่ว่าพฤติกรรมการดูทีวีของคนจะไปดูทีวี หรือดู Ondemand เราก็เป็นธุรกิจที่รองรับทั้งสองด้าน อย่างไรก็ตามรายได้ที่จะเติบโตในอนาคตจะเป็นรายได้ที่มั่นคง และอยากให้ติดตามการเติบโตต่อไปเรื่อยๆ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ซึ่งมันก็จะสะท้อนราคาหุ้นของบริษัทฯ ให้สดใสขึ้น"นายพิชญ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ