น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ และตัวเลขการส่งออกเดือน มี.ค. ปรับตัวลดลง 4.88% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง -3.3 ถึง -4% ส่งผลให้ไตรมาส 1/62 ตัวเลขการส่งออกหดตัว 1.64% กระทบเป้าหมายทั้งปีไม่เป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ว่าการส่งออกจะเติบโต 8% โดยคาดว่าจะมีการปรับลดเป้าในเร็ว ๆ นี้
ส่วนการรายงานตัวเลขของผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในช่วงไตรมาสแรกของปี 62 โดยรวมหดตัวจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในการบันทึกตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงจากรายได้จากการรับประกันภัยชะลอตัว และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับการปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นหลังจากสหรัฐเตรียมยกเลิกคำสั่งยกเว้นให้ 8 ประเทศสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พ.ค.ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้ากระทรวงการคลัง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยว และมาตรการทางภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นปัจจัยบวกด้านจิตวิทยาช่วงสั้น
นอกจากนี้ แนะนำจับตาการรายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้านเดือน ก.พ. ยอดขายบ้านใหม่เดือน มี.ค. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย. ของสหรัฐในวันที่ 23 เม.ย.นี้ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ส่วนวันที่ 24 เม.ย. เยอรมนีเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือน เม.ย. สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. และวันที่ 26 เม.ย. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือน มี.ค. ยอดค้าปลีกเดือน มี.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. สหรัฐเปิดเผยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 1/2562 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. รวมทั้งในสัปดาห์หน้า วันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,660-1,695 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน เช่น หุ้น เครื่องปรับอากาศ ชู SNC, KOOL และ TACC เป็นซัพพลายเออร์ผงชงเครื่องดื่มที่มุม All-Cafe ในร้าน 7-11 คาดกำไรปี 62 พลิกเติบโต 37% เมื่อเทียบจากปีก่อน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ จากเหตุการณ์การก่อวินาศกรรมที่ศรีลังกามีแนวโน้มจะมุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งทางศาสนาเช่นเดียวกับที่นิวซีแลนด์เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีกทั่วโลก จึงคาดว่าทิศทางเงินทุนในสัปดาห์นี้จะเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น แต่ต้องลุ้นให้ราคาทองคำยืนเหนือแนว 1,280 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพื่อเคลียร์สัญญาณขายที่เกิดจากการหลุดลงมาจากกรอบ descending triangle เมื่อสัปดาห์ก่อน
คงคำแนะนำให้เปิดสถานะ short แล้วถือเพื่อเล่นรอบ แต่ถ้าราคาดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,280 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ให้ stop loss ฝั่ง short แล้วปรับมาเล่น swing trade ระหว่าง 1,280-1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์