ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,673.43 จุด เพิ่มขึ้น 2.12 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 47,524.82 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,676.84 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,668.06 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 512 หลักทรัพย์ ลดลง 732 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 483 หลักทรัพย์
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Equity Derivative บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ แม้ว่าปัจจัยจากต่างประเทศจะช่วยหนุน ทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ต่างฟื้นตัว แต่ตลาดฯก็ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งหากไม่มีเรื่องนี้ตลาดฯก็น่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก โดยขณะนี้รอติดตามการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวในแดนบวกกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯ การเคลื่อนไหวจึงขึ้นอยู่กับการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในแต่ลประเทศ แต่ราคาน้ำมันที่ยังเป็นบวกทำให้ภาพใหญ่ของทุกตลาดฯจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวแดนบวกในกรอบแคบ โดยมองแถว 1,685 จุด คงผ่านขึ้นไปได้ยาก เพราะอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นมามากแล้ว อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อย่างกลุ่มพลังงานที่มีราคาน้ำมันปรับขึ้นช่วยหนุน หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้าแม้ว่าจะปรับขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังพอเล่นเก็งกำไรได้ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็คงจะต้องเดินหน้าต่อโครงการ EEC
พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,685-1,695 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,285.54 ล้านบาท ปิดที่ 49.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,209.20 ล้านบาท ปิดที่ 69.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,564.90 ล้านบาท ปิดที่ 53.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,490.73 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,392.51 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท ลดลง 1.50 บาท