BEC ตั้งเป้าปีนี้พลิกมีกำไรจากปีก่อนขาดทุน 330 ลบ.แม้รายได้ปีนี้แทบไม่โตตามภาพรวมอุตฯหลังโฆษณายังซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 26, 2019 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ ประธานกรรมการ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปีนี้จะพลิกมีกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 330 ล้านบาท แม้คาดว่ารายได้จะไม่เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.05 หมื่นล้านบาทมากนัก เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้แทบไม่เติบโต แต่บริษัทจะเน้นการปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลง

"ปีนี้รายได้ไม่น่าจะโตมาก เพราะอุตสาหกรรมโดยรวมแทบไม่เติบโต แต่เราก็ลดค่าใช้จ่าย ปีก่อนก็ลดไป...เราก็มีเป้าหมาย มีตัวดำในปีนี้"ประธานกรรมการ กล่าวในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น BEC

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ BEC เปิดเผยว่า มาตรการระยะสั้นที่บริษัททำได้ในขณะนี้ คือจะเร่งขยายรายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากปีก่อนที่มียังมีสัดส่วนรายได้ไม่มากนัก โดยมีรายได้เพียง 350 ล้านบาท จากช่องทางแอพ MELLO, เว็บไซต์ BEC, YouTube, LineTV

"ตลาดไทยมี OTT เข้ามาเกือบหมด คาดไทยเป็นตลาดใหญ่อันดับ 6 ของโลก ตลาดไทยใหญ่มาก"นายอริยะ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทจะปรับวิธีขายแบบบันเดิลเป็นรูปแบบแพ็กเกจขายโฆษณา เพราะมองว่าการขายโฆษณาผ่านช่องทีวีน่าจะทรงตัว แต่เมื่อนำมารวมกับช่องทางออนไลน์ จะเป็นกลยุทธ์การบันเดิลทีวีออฟไลน์-ออนไลน์เข้าด้วยกัน

ส่วนมาตรการระยะยาว มองว่าตลาดต่างประเทศถือเป็นโอกาสใหญ่มาก และยังมีความต้องการคอนเท้นท์ค่อนข้างสูง ระหว่างนี้บริษัทได้เริ่มเจรจาเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม OTT อาทิ Netflix, YouTube, LineTV เพราะบริษัทฯมีคอนเท้นท์ที่ดี เช่น ละคร

รวมทั้งเจรจากับ TenCent ของจีนที่มีฐานผู้ชมกว่า 600 ล้านคนในจีน แต่ตลาดจีนยังมีข้อจำกัดโควต้าที่ให้มีเนื้อหาจากต่างประเทศเพียง 10% และมีการเซ็นเซอร์ของทางการจีนที่เข้มงวด ซึ่งบริษัทมีแผนจะผลิตละครเพื่อตอบโจทย์ตลาดจีน เพราะตลาดจีนชื่นชอบละครไทย

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการเจรจากับพันธมิตรจะได้ความชัดเจนในไตรมาส 2/62 รวมทั้งบริษัทฯ จะสร้างบริการใหม่และธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นด้วย

"ตลาดต่างประเทศเป็นโอกาส เพราะเป็นตลาดใหญ่มาก เขาก็มีความต้องการละครไทย เริ่มมีการพูดคุยกับเขาอยู่ เราปรับกระบวนการภายใน ถ้าเราทำได้ ไม่ใช่แค่เป็นรายได้ ตลาดต่างประเทศมีโอกาสใหญ่มาก"นายอริยะ กล่าว

นายอริยะ กล่าวถึงกรณีคืนใบอนุญาตช่องทีวีดิจิทัลว่า บริษัทยังมีเวลาพิจารณาความเหมาะสม โดยคณะผู้บริหารของบริษัทฯจะต้องมาพิจารณารอบคอบว่าจะคืนกี่ช่อง เบื้องต้นจะลงชื่อใช้สิทธิคืนช่องในวันที่ 10 พ.ค.นี้ แต่จะมีการหารือกับในคณะกรรมการเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง

ขณะที่นายสมชัย กล่าวว่า การคืนช่องทีวีดิจิทัลนั้น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่าคืนแล้วจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง มีเพียงแต่การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณา อย่างไรก็ตาม คณะผู้บริหารกำลังพิจารณาทุกสมมติฐานเพื่อเลือกแนวทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทฯ

นายฉัตรชัย เทียมทอง ที่ปรึกษาและเลขานุการคณะกรรมการบริษัท กล่าวว่า ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้มาตรา 44 ให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ทำให้กลุ่ม BEC ไม่ต้องจ่ายเงินกว่า 2 พันล้านบาท จากที่จ่ายไปแล้วเกือบ 4 พันล้านบาท และยังมีระยะเวลาใบอนุญาตเหลืออยู่ 10 ปี จากที่ผ่านมาแล้ว 5 ปี รวมทั้งยังช่วยเหลือค่าโครงข่าย (MUX) ที่จ่ายปีละกว่า 100 ล้านบาทไปอีก 10 ปีตามอายุใบอนุญาตที่เหลืออยู่ ทำให้ตั้งแต่ปีนี้ บริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายค่าใบอนุญาตและค่าโครงข่ายอีกจากเดิมจ่ายปีละ 400 ล้านบาท

ในวาระขออนุมัติงดจ่ายเงินปันผล ประธานกรรมการ BEC กล่าวว่า ผลประกอบการในปี 61 ประสบผลขาดทุน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 48 ปีที่ดำเนินกิจการ และเป็นครั้งแรกที่ต้องงดจ่ายเงินปันผล เพื่อให้การเงินของบริษัทมีวินัย และยังมีวงเงินหุ้นกู้ 3 พันล้านบาทที่จะคืนในอีก 2 ปี รวมทั้ง ครอบครัวมาลีนนท์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือสัดส่วน 42.88% ก็ยินดีที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผลเพื่อรักษาวินัยการเงิน แต่กระแสเงินสดไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ดี ผู้ถือหุ้นบางรายเห็นว่า BEC ยังมีกำไรสะสมอยู่กว่า 2,600 ล้านบาท น่าจะนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้บ้าง แต่อีกบางส่วนเห็นว่าบริษัทไม่จ่ายเงินปันผล เพราะมีผลขาดทุน หากจ่ายเงินปันผลไปมีโอกาสเสี่ยงที่อันดับเครดิตถูกปรับลดลง และหุ้นกู้จะครบสัญญาอีก 2 ปี ซึ่งต้องเตรียมเงินทุนไว้ และหากจ่ายเงินปันผลออกไป จะลดมูลค่าทางบัญชี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ