"เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์"เล็งจัดพอร์ตนำสินทรัพย์กลุ่มไทยซัมมิทเสริมแกร่งก่อนผลักดันเข้าตลาดหุ้นปี 65

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 29, 2019 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ได้ในช่วงปี 65 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงที่บริษัทมีการเติบโตขึ้นและมีศักยภาพในการที่จะก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยปัจจุบันบริษัทมีธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจะต้องเสริมความแข็งแกร่งในด้านสินทรัพย์ โดยจะนำสินทรัพย์จากกลุ่มไทยซัมมิทเข้ามาเสริมพอร์ต เช่น อาคารไทยซัมมิท บนถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นอาคารที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของตนเอง (Freehold) และมีอัตราการเช่า 100% มูลค่า 2.9-3 พันล้านบาท และยังมีแผนนำอาคารสำนักงานในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มูลค่ากว่า 60 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นของกลุ่มไทยซัมมิท เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับสินทรัพย์ของบริษัท และทำให้บริษัทมีรายได้ที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring income) ช่วยสร้างการเติบโต

ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังคงมีแผนการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนจะเปิด 2-3 โครงการ/ปี แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ/ปี และโครงการแนวราบ 1-2 โครงการ/ปี พร้อมกับวางเป้าหมายยอดขายแตะ 4-5 พันล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดโอนไว้ที่ 7 พันล้านบาท ภายในปี 65 อีกทั้งยังมองโอกาสในการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เริ่มมีความนิยม เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬา และมีแนวคิดไปถึงการพัฒนาโครงการมิกส์ยูสที่มีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ได้หลากหลายในพื้นที่เดียวกัน

สำหรับในปี 62 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ได้แก่ โครงการ เดอะเซ็น กิ่งแก้ว ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว บนที่ดินกว่า 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท และโครงการ วิรัณยา บางนา โครงการบ้านเดี่ยว พัฒนาบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 7 ล้านบาท/ยูนิต โดยในช่วงที่ผ่านมา 7 ปี บริษัทมีการพัฒนาโครงการไปแล้วรวม 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

ด้านยอดขายในปี 62 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้ายอดโอนในปี 62 ไว้ที่ 2.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1.8-1.9 พันล้านบาท และแนวราบ 900 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 4 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะทยอยรับรู้ 2.7 พันล้านบาท ส่วนงบในการซื้อที่ดินตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท เพื่อซื้อที่ดิน 2 แปลง โดยจะซื้อที่ดินย่านรัชดา 4 ไร่ เพื่อมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในปี 63 ซึ่งราคาขายคอนโดมิเนียมในทำเลดังกล่าวนี้จะขายราคาราว 150,000 บาท/ตารางเมตร และที่ดินอีกผืนที่บริษัทจะซื้อจะมาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบในปี 63 โดยที่ปัจจุบันแหล่งเงินทุนของบริษัทมาจากกระแสเงินสด เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.7 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร รวมไปถึงการตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและการบริการที่ดีโดยเน้นในความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก นอกจากนี้บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตร โดยล่าสุดบริษัทได้จับมือกับ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป (MAJOR) เพื่อเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของโรงภาพยนตร์ IMAX Quartier CineArt ภายในศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ซึ่งนับเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างบริษัทกับธุรกิจโรงภาพยนตร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ